แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทำใบมอบอำนาจให้ ส. ฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่ดินอาคารแผงทำการค้าซึ่งอยู่ในที่ดินโจทก์ ถึงแม้จะไม่ได้กำหนดให้ฟ้องผู้เช่ารายใดโดยเฉพาะก็ตาม เมื่อปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้เช่าตึกแถวของโจทก์อยู่ด้วย ส. ก็มีอำนาจที่จะฟ้องขับไล่จำเลยได้
เงินกินเปล่าเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่า ไม่ทำให้สัญญานี้มีลักษณะตอบแทนเป็นพิเศษกว่าสัญญาเช่าธรรมดา เมื่อไม่ได้จดทะเบียนการเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การเช่าคงใช้ได้เพียง 3 ปี แม้จะได้เช่ากันต่อมาก็เป็นสัญญาเช่าที่ไม่มีกำหนดเวลา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตึกแถวเลขที่ ๖๑๒ ได้มอบให้นายสินธุ วรรณศรีสวัสดิ์ ดำเนินการแทนตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้อง จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์ดังกล่าวเพื่อทำการค้าเมื่อครบกำหนดจำเลยขอเช่าต่อมา ครั้งสุดท้ายหมดอายุสัญญาเช่าตั้งแต่เดือนมีนาคม ๒๕๑๐ โจทก์บอกเลิกการเช่าและขับไล่จำเลยแล้วจำเลยเพิกเฉยไม่ยอมออกไปและค้างค่าเช่าเดือนละ ๘๐ บาท ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๑๐ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๑๐ เป็นเงิน ๒๔๐ บาท หากให้ผู้อื่นเช่าจะได้ค่าเช่าไม่น้อยกว่าเดือนละ ๕๐๐ บาท รวมค่าเช่าและค่าเสียหายเป็นเงิน ๙๙๐ บาท ขอให้ขับไล่และชำระค่าเช่า ค่าเสียหายจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากห้องของโจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์จะได้มอบอำนาจให้นายสินธุ วรรณศรีสวัสดิ์ฟ้องคดีนี้แทนจริงหรือไม่ ไม่รับรอง หนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องไม่ปรากฏชัดเจนว่าให้ผู้รับมอบอำนาจฟ้องจำเลย ไม่มีผลตามกฎหมายจำเลยไม่ได้เช่าตึกแถวตามฟ้องจากโจทก์ โจทก์ไม่ใช่เจ้าของตึกแถวที่จำเลยเช่า จำเลยเสียค่าตอบแทนในการปลูกตึกแถวที่จำเลยเช่าโดยผู้ให้เช่าให้จำเลยเช่ามีกำหนด ๑๒ ปี นับแต่เดือนมกราคม ๒๕๐๑ เป็นต้นมา เป็นสัญญาต่างตอบแทน จำเลยเช่าอยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ จำเลยไม่ได้ค้างค่าเช่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายเกินอัตราค่าเช่า โจทก์หรือผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าหรือฟ้องขับไล่จำเลย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาเช่าที่จำเลยอ้างว่ามีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนสิ้นสุดแล้วตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๐ จำเลยเช่าต่อมาอีก การเช่าใหม่ไม่มีหนังสือสัญญาเช่า แม้จำเลยเสียเงินกินเปล่าให้โจทก์ ก็ไม่มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทน จำเลยใช้ตึกแถวพิพาทประกอบการค้าจึงไม่ได้ความคุ้มครองตามกฎหมาย และไม่มีกำหนดเวลาเช่า โจทก์มอบอำนาจให้นายสินธุ วรรณศรีสวัสดิ์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยโดยชอบแล้ว โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้แต่การเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ขอให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างด้วย จึงไม่บังคับให้ จึงพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๘๐ บาท ตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๑๐ จนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย คือ
๑. ใบมอบอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย นายสินธุ วรรณศรีสวัสดิ์ผู้รับมอบอำนาจไม่มีสิทธิดำเนินกระบวนพิจารณา และตั้งตนเองเป็นทนาย
๒. จำเลยเสียเงินตอบแทนให้ผู้ให้เช่าไป ๓๐,๐๐๐ บาท เช่าอยู่ต่อไปอีก ๑๒ ปี นับแต่เดือนมกราคม ๒๕๐๑ เป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษเมื่อยังไม่ครบเวลา ๑๒ ปี โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
ศาลฎีกาเห็นว่า ใบมอบอำนาจมีข้อความว่า “ข้าพเจ้าพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคลทำหนังสือนี้ขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานว่า ข้าพเจ้าได้มอบอำนาจให้นายสินธุ วรรณศรีสวัสดิ์ เป็นผู้มีอำนาจทำการแทนข้าพเจ้าในการดำเนินการฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่ดิน อาคาร แผงทำการค้าในที่ดินของข้าพเจ้า ฯลฯ ใบมอบอำนาจดังนี้ เป็นการมอบอำนาจให้นายสินธุ วรรณศรีสวัสดิ์ ทำการฟ้องขับไล่ผู้เช่า ที่ดินอาคาร แผงทำการค้าซึ่งอยู่ในที่ดินของโจทก์ได้ทุกรายไม่ได้กำหนดให้ฟ้องผู้เช่ารายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะ เมื่อปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้เช่าอาคารตึกแถวของโจทก์อยู่ด้วยนายสินธุ วรรณศรีสวัสดิ์ ก็มีอำนาจที่จะฟ้องขับไล่จำเลยได้ ที่จำเลยอ้างว่า นายสินธุ วรรณศรีสวัสดิ์ ไม่มีสิทธิดำเนินกระบวนพิจารณาและตั้งตนเองเป็นทนายนั้น ปรากฏว่าพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคลตัวความได้แต่งตั้งนายสินธุ วรรณศรีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นทนายความให้ว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนด้วยนายสินธุ วรรณศรีสวัสดิ์ จึงเข้าว่าความได้อีกฐานะหนึ่ง
ส่วนฎีกาในปัญหาข้อ ๒ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยเสียเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท เป็นเงินกินเปล่า ก็ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าไม่ทำให้สัญญานี้มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนเป็นพิเศษกว่าสัญญาเช่าธรรมดา เมื่อไม่ได้จดทะเบียนการเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่การเช่านั้นคงใช้ได้เพียง ๓ ปี นับแต่เดือนมกราคม ๒๕๐๑ เมื่อครบ ๓ ปี แม้จะได้เช่ากันต่อมาก็ไม่มีกำหนดเวลา โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแล้ว จึงฟ้องขับไล่จำเลยได้ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน