คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2319/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การกระทำความผิดฐานหลอกลวงคนหางานว่าสามารถหางานในต่างประเทศได้จะเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกันย่อมขึ้นอยู่กับลักษณะของการกระทำที่มีเจตนามุ่งกระทำเพื่อให้เกิดผลต่อผู้เสียหายเพียงครั้งเดียวหรือหลายครั้งมิได้พิจารณาจากการที่จำเลยกับพวกจัดหางานให้คนหางานไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับใบอนุญาตต่อเนื่องกันหรือไม่ซึ่งเป็นความผิดอีกส่วนหนึ่ง เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า ระหว่างช่วงเดือนสิงหาคม 2545 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2546 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกหลอกลวงประชาชนว่าจำเลยกับพวกได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลางและสามารถจัดหางานและส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศที่ประเทศ ม. ได้ จนผู้เสียหายทั้งสามหลงเชื่อ ทำให้จำเลยกับพวกได้เงินไปจากผู้เสียหายทั้งสาม เหตุเกิดที่ตำบลเทพรักษา อำเภอสังขะ ตำบลอาโพน อำเภอบัวเชด และตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ส่วนคดีก่อนโจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อระหว่างเดือนเมษายน 2545 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2545 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกหลอกลวงผู้เสียหายทั้งสิบแปดว่าจำเลยกับพวกสามารถจัดส่งผู้เสียหายทั้งสิบแปดไปทำงานที่ประเทศ ม. ได้ จนผู้เสียหายทั้งสิบแปดหลงเชื่อ ยอมให้จำเลยกับพวกได้ไปซึ่งเงินจากผู้เสียหายทั้งสิบแปด เหตุเกิดที่ตำบลจรัส ตำบลอาโพน อำเภอบัวเชด ตำบลเทพรักษา อำเภอสังขะ และตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์การกระทำความผิดของจำเลยคดีนี้กับคดีก่อนจึงมีวันกระทำความผิดต่างกันในเดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคม 2545 และเดือนมกราคม 2546 และความผิดดังกล่าวจำเลยมีเจตนากระทำต่อผู้เสียหายต่างคนกันด้วย การกระทำของจำเลยกับพวกแม้จะเป็นการหลอกลวงด้วยเจตนาในการกระทำผิดอย่างเดียวกัน มีการดำเนินการและจ่ายเงินให้แก่จำเลยกับพวกเหมือนกัน แต่จำเลยกับพวกหลอกลวงต่อบุคคลต่างราย เกิดขึ้นคนละสถานที่และต่างวันเวลากัน จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างช่วงเดือนสิงหาคม 2545 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2546 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกอีกหลายคน ร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่นายเว็ด ผู้เสียหายที่ 1 นายลิ้ม ผู้เสียหายที่ 2 นายเสือน ผู้เสียหายที่ 3 และประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นคนหางานที่ประสงค์เพื่อไปทำงานในประเทศมาเลเซียและประเทศอื่นให้แก่นายจ้างในต่างประเทศดังกล่าว โดยจำเลยกับพวกร่วมกันเรียกและรับค่าบริการตอบแทนในการจัดหางานจากคนหางานโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง และร่วมกันหลอกลวงประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนทั่วไปโดยการโฆษณาต่อประชาชนทั่วไปว่า จำเลยกับพวกได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลางและสามารถจัดหางานและจัดส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศที่ประเทศมาเลเซีย โดยจะได้รับค่าตอบแทนจากนายจ้างในต่างประเทศแต่คนหางานต้องเสียเงินเป็นค่าสมัคร ค่าบริการและค่าใช้จ่ายในการจัดหางานให้แก่จำเลยกับพวกอันเป็นความเท็จ โดยการหลอกลวงดังกล่าวเป็นเหตุให้ประชาชนและผู้เสียหายทั้งสามหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงได้สมัครงานกับจำเลยและพวก ทำให้จำเลยกับพวกได้ไปซึ่งเงินจากผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 คนละ 66,000 บาท และผู้เสียหายที่ 3 จำนวน 65,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 197,000 บาท เหตุเกิดที่ตำบลเทพรักษา อำเภอสังขะ ตำบลอาโพน อำเภอบัวเชด และตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เกี่ยวพันกัน จำเลยเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1388/2551 และ 1389/2551 ของศาลชั้นต้น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 มาตรา 4, 30, 82, 91 ตรี ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 341, 343 ให้จำเลยร่วมกันคืนเงินแก่ผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 คนละ 66,000 บาท และผู้เสียหายที่ 3 เป็นเงิน 65,000 บาท และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1388/2551 และ 1389/2551 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 มาตรา 91 ตรี ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 มาตรา 91 ตรี อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1388/2551 และ 1389/2551 ของศาลชั้นต้น เนื่องจากทั้งสองคดีดังกล่าวศาลยังไม่มีคำพิพากษา จึงไม่อาจนับโทษต่อให้ได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้และยกฟ้องในข้อหาร่วมกันจัดหางานโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 คนละ 66,000 บาท และผู้เสียหายที่ 3 จำนวน 65,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 มาตรา 91 ตรี ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ 343 วรรคแรก, 83 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 มาตรา 91 ตรี ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ให้จำคุก 3 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 461/2551 ของศาลอุทธรณ์ภาค 3 หรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุในคดีนี้อยู่ในช่วงเวลาเกิดเหตุในคดีก่อน แม้ผู้เสียหายทั้งสามและสถานที่เกิดเหตุในคดีนี้ต่างกับคดีก่อน แต่การหลอกลวงของจำเลยเป็นการกระทำตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งจะครบองค์ประกอบความผิดเมื่อผู้เสียหายทั้งสามหลงเชื่อและเดินทางไปสมัครงานกับดำเนินการต่าง ๆ ตามที่บริษัทแสนเลิศหลวง จำกัด กำหนด แล้วรอวันเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ แต่ไม่สามารถเดินทางไปทำงานในต่างประเทศได้ ซึ่งผู้เสียหายทั้งสองคดีได้รับการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว ดังนี้ จึงมิใช่เป็นการหลอกลวงผู้เสียหายคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่ง แล้วบริษัทแสนเลิศหลวง จำกัด และจำเลยหยุดดำเนินการประกอบการธุรกิจจัดหางาน การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองคดีได้กระทำในช่วงเวลาติดต่อกันเรื่อยมา แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาประกอบธุรกิจจัดหางานต่อเนื่องติดต่อในคราวเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว เห็นว่า การกระทำความผิดฐานหลอกลวงคนหางานว่าสามารถหางานในต่างประเทศได้จะเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกันย่อมขึ้นอยู่กับลักษณะของการกระทำที่มีเจตนามุ่งกระทำเพื่อให้เกิดผลต่อผู้เสียหายเพียงครั้งเดียวหรือหลายครั้ง มิได้พิจารณาจากการที่จำเลยกับพวกจัดหางานให้คนหางานไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับใบอนุญาตต่อเนื่องกันหรือไม่ซึ่งเป็นความผิดอีกส่วนหนึ่ง เมื่อคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่าเมื่อระหว่างช่วงเดือนสิงหาคม 2545 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2546 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกหลอกลวงประชาชนว่าจำเลยกับพวกได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลางและสามารถจัดหางานและส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศที่ประเทศมาเลเซียได้ จนผู้เสียหายทั้งสามหลงเชื่อ ทำให้จำเลยกับพวกได้เงินไปจากผู้เสียหายทั้งสาม เหตุเกิดที่ตำบลเทพรักษา อำเภอสังขะ ตำบลอาโพน อำเภอบัวเชดและตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ส่วนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 461/2551 ของศาลอุทธรณ์ภาค 3 โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อระหว่างเดือนเมษายน 2545 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2545 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกหลอกลวงผู้เสียหายทั้งสิบแปดว่าจำเลยกับพวกสามารถจัดส่งผู้เสียหายทั้งสิบแปดไปทำงานที่ประเทศมาเลเซียได้ จนผู้เสียหายทั้งสิบแปดหลงเชื่อ ยอมให้จำเลยกับพวกได้ไปซึ่งเงินจากผู้เสียหายทั้งสิบแปด เหตุเกิดที่ตำบลจรัส ตำบลอาโพน อำเภอบัวเชด ตำบลเทพรักษา อำเภอสังขะ และตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ การกระทำความผิดของจำเลยคดีนี้กับคดีก่อนจึงมีวันกระทำความผิดต่างกันในเดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคม 2545 และเดือนมกราคม 2546 และความผิดดังกล่าวจำเลยมีเจตนากระทำต่อผู้เสียหายต่างคนกันด้วย การกระทำของจำเลยกับพวกแม้จะเป็นการหลอกลวงด้วยเจตนาในการกระทำผิดอย่างเดียวกัน มีการดำเนินการและจ่ายเงินให้แก่จำเลยกับพวกเหมือนกัน แต่จำเลยกับพวกหลอกลวงต่อบุคคลต่างรายเกิดขึ้นคนละสถานที่และต่างวันเวลากัน จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 461/2551 ของศาลอุทธรณ์ภาค 3 คำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยอ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share