คำสั่งคำร้องที่ 120/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เมื่อฎีกา ของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และคดีนี้ที่จำเลยฎีกาขอให้ ยกฟ้องโจทก์ อันเป็นคดีฟ้องขับไล่ออกจากอสังหาริมทรัพย์ที่อาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 10,000 บาทในขณะยื่นฟ้องจึงต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248วรรคสองส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้พิพากษาตามฟ้องแย้งจำเลยมีคดี มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 200,000 บาทจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกจึงไม่รับฎีกาของจำเลย ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องลงวันที่18 ตุลาคม 2536ขอให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1อนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องและจำเลยได้ยื่นคำร้องลงวันที่21 ตุลาคม 2536 ขอให้อธิบดีผู้พิพากษา ศาลอุทธรณ์ภาค 1 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ว่า การขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 อนุญาตให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ต้องร้องขอ ภายในกำหนดระยะเวลาฎีกา เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาฎีกาแล้วจึง ล่วงพ้นระยะเวลาที่จำเลยจะขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 อนุญาตให้จำเลยฎีกาได้ จึงไม่อนุญาตให้ส่งคำร้อง พร้อมสำนวนไป ยังอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1
จำเลยเห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย จำเลย มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา ซึ่งจำเลยก็ได้ยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 7 วันแล้ว การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยในขณะที่จำเลยยังมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาต่อ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 อยู่ จึงไม่ชอบ ของศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาของจำเลยและ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งในคำร้องของ จำเลยฉบับลงวันที่ 18 ตุลาคม 2536 และฉบับลงวันที่ 21 ตุลาคม 2536 เป็นคำสั่ง ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และโปรดมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นส่งคำร้อง ของจำเลยไปให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 เพื่อมีคำสั่ง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคแรก,230 วรรคสามประกอบมาตรา 247 ตอนท้ายโปรดอนุญาต
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 112)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนยุ้งข้าวเพิงที่พักรวมทั้งสิ่งปลูกสร้างของจำเลยออกไปจากที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.)ทะเบียนเลขที่ 3301 เลขที่ดิน 212 ตำบลขามใหญ่อำเภอเมืองอุบลราชธานีจังหวัดอุบลราชธานีของโจทก์ ห้ามจำเลยและ บริวารเข้าเกี่ยวข้อง กับที่ดินแปลงดังกล่าวอีกต่อไป และให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่ โจทก์เดือนละ 150 บาทนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลย จะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์เสร็จสิ้น
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 105)
จำเลยยื่นคำร้องขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค1อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉบับลงวันที่ 18 ตุลาคม 2536และฉบับลงวันที่ 21 ตุลาคม 2536 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 108,109)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 110)

คำสั่ง
จำเลยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234ประกอบด้วย มาตรา 247 ก่อน จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย

Share