แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในการที่จะพิจารณาว่าคดีใดต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้นต้องพิจารณาจากกระทงความผิดเป็นกระทง ๆ ไป คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดรวม 3 กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 2 ปี รวมเป็นจำคุก 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้ทำปลอมขึ้นซึ่งเอกสาร และการกระทำของจำเลยไม่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายหรือไม่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่จำเลยทำคำสั่งจังหวัดตราดเรื่องแต่งตั้งข้าราชการลงในกระดาษไขโดยไม่มีอำนาจ แล้วตัดเอากระดาษไขที่มีลายมือชื่อของผู้ว่าราชการจังหวัดตราดซึ่งได้ลงนามไว้ในคำสั่งฉบับอื่น มาติดไว้ท้ายคำสั่งที่จำเลยทำขึ้น และจำเลยโรเนียวคำสั่งนี้ออกมา เพื่อแสดงให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าคำสั่งที่จำเลยทำขึ้นนี้เป็นคำสั่งที่แท้จริง ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นข้าราชการประจำสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตราด ได้ทำเอกสารคำสั่งจังหวัดตราดอันเป็นเอกสารราชการปลอมขึ้นทั้งฉบับ จำนวน ๓ ฉบับ โดยจำเลยทำคำสั่งจังหวัดตราดปลอมขึ้น แล้วตัดลายมือชื่อของผู้ว่าราชการจังหวัดตราดซึ่งเซ็นไว้ในคำสั่งที่แท้จริงฉบับอื่น นำมาปิดต่อท้ายคำสั่งจังหวัดตราดที่จำเลยทำปลอมขึ้น แล้วนำคำสั่งจังหวัดตราดที่จำเลยปลอมขึ้นดังกล่าวไปใช้ โดยปิดสมุดคำสั่ง และดำเนินการโยกย้ายเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดตราด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗, ๑๖๑, ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๖๑, ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๘ การกระทำของจำเลยแต่ละกรรมเป็นความผิดหลายบท ลงโทษบทหนักตาม มาตรา ๑๖๑ เรียงกระทงลงโทษจำคุกกระทงละ ๒ ปี รวมจำคุก ๖ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในการที่จะพิจารณาว่าคดีใดต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาจากกระทงความผิดเป็นกระทง ๆ ไป คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดรวม ๓ กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ ๒ ปี รวมเป็นจำคุก ๖ ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้ทำปลอมขึ้นซึ่งเอกสาร และการกระทำของจำเลยไม่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายหรือไม่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ปัญหาตามฎีกาของจำเลยอีกข้อหนึ่งว่า การกระทำที่จะถือว่าเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง จะต้องเป็นการปลอมหรือตัดทอนคำสั่งที่ถูกต้อง จำเลยเพียงแต่นำลายเซ็นของผู้ว่าราชการจังหวัดที่เซ็นไว้ในคำสั่งฉบับอื่นมาใส่ลงในคำสั่งที่จำเลยทำขึ้นการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดนั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยไม่มีอำนาจออกคำสั่งหรือลงนามในคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการแต่อย่างใด จึงเห็นว่า การที่จำเลยทำคำสั่งจังหวัดตราดเรื่องแต่งตั้งข้าราชการลงในกระดาษไข โดยไม่มีอำนาจแล้วตัดเอากระดาษไขที่มีลายมือชื่อของผู้ว่าราชการจังหวัดตราดซึ่งได้ลงนามไว้ในคำสั่งฉบับอื่น มาติดไว้ท้ายคำสั่งที่จำเลยทำขึ้น และจำเลยโรเนียวคำสั่งนี้ออกมาเพื่อแสดงให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าคำสั่งที่จำเลยทำขึ้นนี้เป็นคำสั่งที่แท้จริง ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ
พิพากษายืน