แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นายจ้างประสบปัญหาขาดทุน จำเป็นต้องยุบหน่วยงานที่ขาดทุนและเลิกจ้างลูกจ้างที่ประจำอยู่หน่วยงานนั้น การเลิกจ้างดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับฐานะทางเศรษฐกิจและความอยู่รอดของนายจ้าง เป็นกรณีมีเหตุอันสมควร มิใช่การกลั่นแกล้ง จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมต่อลูกจ้าง
แม้สัญญาจ้างแรงงานจะระบุว่า นายจ้างมีสิทธิเลิกสัญญาได้ทุกขณะโดยลูกจ้างไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายใด ๆ ก็ตาม แต่ค่าชดเชย ค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อนและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า เป็นเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิตามกฎหมายที่จะได้รับเมื่อถูกเลิกจ้างจึงมิใช่ค่าเสียหายใด ๆ ตามสัญญาจ้าง เมื่อนายจ้างเลิกจ้างโดยลูกจ้างไม่มีความผิดและไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมายที่จะไม่ต้องจ่าย นายจ้างจะอ้างสัญญาจ้างมาเป็นข้อยกเว้นที่จะไม่จ่ายเงินดังกล่าวแก่ลูกจ้างหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างประจำโดยไม่เป็นธรรมไม่จ่ายค่าชดเชย ค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อน สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่ากิจการของจำเลยขาดทุน จึงต้องยุบหน่วยงานและเลิกจ้างโจทก์ จึงมิใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมจำเลยมีสิทธิตามสัญญาที่จะเลิกจ้างโดยโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย ค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อนและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสามสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าเหตุที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสามเนื่องจากจำเลยประสบปัญหาขาดทุน จำเป็นต้องยุบหน่วยงานสถานีกันตังที่โจทก์ทั้งสามประจำทำงานอยู่ เห็นว่าการเลิกจ้างโจทก์ดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับฐานะทางเศรษฐกิจและความอยู่รอดของจำเลยผู้เป็นนายจ้าง เป็นกรณีมีเหตุสมควร มิใช่เป็นการกลั่นแกล้ง จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมแก่โจทก์
ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า สัญญาจ้างแรงงานระบุว่า นายจ้างมีสิทธิจะเลิกสัญญาได้ทุกขณะในเมื่อจำเลยหมดความจำเป็นต้องจ้างหรือบอกกล่าวล่วงหน้าให้ลูกจ้างทราบไม่น้อยกว่า ๗ วัน ในกรณีเช่นนี้ลูกจ้างไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายใด ๆ โจทก์ทั้งสามจึงไม่มีสิทธิเรียกค่าชดเชย ค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อน สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจากจำเลยนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าค่าชดเชย ค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อนและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงินที่โจทก์ทั้งสามมีสิทธิจะได้รับเมื่อถูกเลิกจ้างตามที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๘๒ มิใช่เป็นค่าเสียหายใด ๆ ตามสัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งได้จำกัดสิทธิของลูกจ้างในอันที่จะเรียกร้องจากนายจ้าง ดังกล่าว เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่มีความผิดและไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมายที่จำเลยจะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อนและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแล้ว จำเลยจะอ้างสัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยนั้นมาเป็นข้อยกเว้นที่จะไม่ต้องจ่ายเงินดังกล่าวแก่โจทก์หาได้ไม่
พิพากษายืน