คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 231/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญามีความว่าโจทก์ได้รับเงินจากจำเลยไป 65 บาท โจทก์ยอมยกที่ดินสวนผลไม้ให้จำเลยยึดถือไว้แทนตัวเงินที่รับไป ทั้งนี้ สัญญาฉะบับนี้เป็นสัญญากู้ยืมเงินโดยเอาที่สวนให้จำเลยยึดถือไว้ไม่ใช่สัญญาซื้อขาย, +กู้เงินกันแล้วมอบที่ดินให้ผู้ให้กู้ใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้น การยึดถือที่ดินของผู้ให้กู้โดยลักษณดังนี้เป็นทรัพยสิทธิอย่างหนึ่ง , เมื่อมิได้จดทะเบียนย่อมไม่สมบูรณ์ใช้บังคับกันมิได้ ผู้ให้กู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือที่ดินไว้ต่อไปในเมื่อผู้กู้เรียกร้อง,อ้างฎีกาที่ 1283/2480,เข้าครอบครองที่ดินโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาแม้จะครอบครองมาตั้ง 20-21 ปีก็ไม่ได้กรรมสิทธิ เพราะไม่ถือว่าเป็นการครอบครองโดยปรปักษ์, ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม.149,178 ฟ้องแย้ง.
ค่าธรรมเนียม.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่ากู้เงินจำเลยไปได้เอาที่ดินเป็นประกัน จำเลยได้ปลูกเรือนในที่ดินนั้นครั้นโจทก์ใช้เงินแล้วจำเลยก้ไม่ออกจากที่จึงฟ้องขับไล่ จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ขายที่รายพิพาทให้จำเลย ๆ ได้ปกครองมา ๒๐-๒๑ ปีแล้ว
ศาลฎีกาตัดสินว่าตามเอาสารที่โจทก์อ้างว่าเป็นหนังสือกู้-นั้นมีใจความสำคัญว่าโจทก์ได้รับเงินของจำเลยไป ๖๕ บาทจึงยอมยกที่สวนให้จำเลยยึดถือปกครองไว้แทนตัวเงินที่ได้รับไป จริงอยู่ในสัญญาไม่มีข้อความโดยตรงว่าเป็นการกู้ยืม แต่เมื่อ่านข้อความทั้งหมดรวมกันและเพ่งเล็งเจตนาของคู่กรณีแล้วเห็นว่าเป็นการกู้ยืมกันโดยเอาที่รายพิพาทให้ยึดถือไว้ ฉะนั้นที่จำเลยครอบครองที่รายนี้มาก็โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาจะยกข้อครอบครองขึ้นใช้ยันโจทก์มิได้ เมื่อจำเลยยึดถือที่ดินของผู้อื่นไว้เพื่อประโยชน์เช่นนี้ เป็นทรัพยสิทธิอันหนึ่งซึ่งต้องจดทะเบียนตามประมวลแห่ง ๆ ม.๑๒๙๙ แต่ในคดีนี้หาได้จดทะเบียนกันไม่จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะยึดที่ดินของโจทก์ต่อไป ตามฎีกาที่ ๑๒๘๓/๒๔๘๐ ส่วนเรื่องเงินกู้โจทก์จะได้ใช้คืนแล้วหรือไม่ ๆวินิจฉันให้เพราะจำเลยมิได้ฟ้องแย้งขึ้นมา แต่ไม่ตัดสิทธิจำเลยที่อาจฟ้องร้องได้ต่อไป พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ให้ขับไล่จำเลย

Share