แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในขณะที่เจ้ามรดกเขียนพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่จำเลยนั้นมีผู้อื่นควบคุมคอยบอกให้เขียนโดยเจ้ามรดกมีสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์พินัยกรรมจึงเป็นอันเสียเปล่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1704วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 9 มีนาคม2532 ของเจ้ามรดกเป็นโมฆะ และให้จำเลยส่งมอบหรือจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 4469 และ7838 ตำบลแก่งเสี้ยน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี และเงินในธนาคารออมสิน สาขากาญจนบุรี ทั้งหมดกลับคืนมาเป็นของโจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นหลานของเจ้ามรดกมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดเดียวกันไปมาหาสู่และคอยดูแลเจ้ามรดกอยู่เป็นประจำเจ้ามรดกทำพินัยกรรมขณะที่มีสติดี เขียนหนังสือเองและตัดสินใจเอง จำเลยจึงยื่นคำร้องขอต่อศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกโดยทายาททุกคนยินยอมไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใดเจ้ามรดกมีอาการปกติจะป่วยเป็นโรคจิตประสาทหรือไม่จำเลยไม่รับรอง แต่จำเลยเห็นว่าเจ้ามรดกมีความจำดีตลอดพูดจารู้เรื่อง แม้ขณะจดทะเบียนหย่ากับร้อยตำรวจหญิงจรรยาก็จดทะเบียนโดยสภาพจิตปกติ ดังนั้นพินัยกรรมที่เจ้ามรดกทำขึ้นจึงมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย จำเลยจึงเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกตามพินัยกรรมทั้งโจทก์ฟ้องเพิกถอนพินัยกรรมเกินกำหนดอายุความแล้ว หลังจากศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกแล้วจำเลยได้แบ่งเป็นทรัพย์มรดกแก่ผู้มีสิทธิและได้ขายทรัพย์มรดกให้แก่บุคคลที่มีชื่อโดยสุจริตถูกต้องมิได้เบียดบังยักย้ายถ่ายเททรัพย์มรดกตามที่โจทก์อ้างเพราะเป็นสิทธิของจำเลยโดยชอบตามพินัยกรรม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่าในขณะที่เจ้ามรดกเขียนพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่จำเลยตามเอกสารหมาย ล.1 นั้นมีผู้อื่นควบคุมคอยบอกให้เขียนโดยเจ้ามรดกมีสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ดังที่โจทก์นำสืบพินัยกรรมตามเอกสารหมาย ล.1 จึงเป็นอันเสียเปล่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1704วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับว่า พินัยกรรมฉบับลงวันที่ 9 มีนาคม 2532ของเจ้ามรดกเป็นอันเสียเปล่า ให้จำเลยส่งมอบที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 4469 และ 7838 ตำบลแก่งเสี้ยน อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และเงินในธนาคารออมสิน สาขากาญจนบุรี ซึ่งเป็นของเจ้ามรดกคืนให้แก่โจทก์