คำสั่งคำร้องที่ 1366/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ที่ว่า การรับฟังพยานหลักฐานของศาลเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน131,124.59 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินจำนวน 122,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 88)
ทนายโจทก์ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 90)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 1ได้นำพยานปากเดียวคือนายสมเกียรติ พยานโจทก์มาพิจารณาโดยที่โจทก์ยังมีนายบุญถึงอีกหนึ่งปากเบิกความเจือสมกันจึงเป็นการพิจารณาที่ไม่ชอบก็ดี โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 2ขับรถยนต์ลากเครื่องนวดข้าวในวันเกิดเหตุ เมื่อเกิดอุบัติเหตุไม่แจ้งให้เจ้าพนักงานที่ใกล้ที่สุดทราบสันนิษฐานว่าจำเลยที่ 2 ผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกก็ดี ฎีกาของโจทก์ที่ว่าศาลล่างทั้งสองฟังคำนายสมใจ พยานจำเลยเบิกความเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 2 เนื่องจากนายสมใจโกรธโจทก์ที่ไม่จ่ายเงินค่าทดแทนนายสมใจจึงปรักปรำโจทก์ จึงไม่ควรรับฟังคำนายสมใจก็ดี หรือที่โจทก์ฎีกาว่าศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยฟังคำพยานฝ่ายเดียวขัดกับสำนวนไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ดีเห็นว่าศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยโดยฟังพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายแล้ว หาได้ฟังข้อเท็จจริงเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่เพียงฝ่ายเดียวไม่ ฎีกาของโจทก์ทุกข้อเป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการฟังพยานหลักฐานของศาล จึงเป็นฎีกาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ยกคำร้อง

Share