คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2304/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริษัท พ. มีหนี้ที่ต้องชำระต่อโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกอาจขอเข้าชำระหนี้แทนบริษัท พ. ได้ การที่จำเลยมีหนังสือยอมผูกพันตนเข้าชำระหนี้แทนบริษัท พ. และโจทก์มีหนังสือตอบสนองรับไปแล้ว เป็นสัญญาประเภทหนึ่งซึ่งคู่สัญญากระทำด้วยความสมัครใจ เมื่อไม่ขัดต่อกฎหมายย่อมสมบูรณ์ใช้บังคับได้ และเมื่อไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะก็ต้องใช้อายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164 หาใช่มีอายุความ 2 ปี ตามมูลหนี้เดิมไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อประมาณเดือนธันวาคม ๒๕๒๔ บริษัท พี.บี.เอ็ม. จำกัด ซึ่งดำเนินกิจการโรงแรมพังงาเบย์ รีสอร์ท ได้ตกลงทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ซ่อมเครื่องยนต์ประเภทเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้กับกิจการโรงแรมและโจทก์ได้ทำการซ่อมแซมเครื่องยนต์ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว คิดเป็นเงินค่าแรงรวมทั้งค่าอะไหล่ ๑๘๐,๒๑๑.๘๖ บาท ต่อมาจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ในฐานะกรรมการของจำเลยที่ ๑ และในฐานะส่วนตัวได้ทำสัญญากับโจทก์ว่าจะเข้าเป็นผู้ดำเนินกิจการโรงแรมและขอเป็นผู้ชำระหนี้จำนวนดังกล่าวแทนบริษัท พี.ที.เอ็ม.จำกัด โดยจำเลยที่ ๒ ได้มีหนังสือถึงโจทก์ขอผ่อนชำระเป็นงวด งวดละ ๑๐,๐๐๐ บาท แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหาย ขอคิดดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่เดือนมีนาคม ๒๕๒๗ ถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๑๑,๖๖๔ บาทขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน ๑๙๑,๘๗๕.๘๖ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน ๑๘๐,๒๑๑.๘๖ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ไม่ได้ตกลงทำสัญญาขอชำระหนี้แก่โจทก์ตามฟ้อง หนังสือรับชำระหนี้ดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีผลบังคับได้ตามกฎหมาย จำเลยทั้งสองเพียงรับเป็นคนกลางติดต่อเพื่อนำเงินจากบริษัท พี.บี.เอ็ม.จำกัด ไปชำระหนี้ให้แก่โจทก์เท่านั้น โจทก์ชอบที่จะไปเรียกร้องเอาจากบริษัทดังกล่าวโดยตรงเมื่อไม่ได้รับชำระหนี้ คดีของโจทก์ขาดอายุความ เพราะตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๒๕ ถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า ๒ ปีแล้วขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยโดยกำหนดค่าทนายความ ๓,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้วว่าบริษัท พี.บี.เอ็ม.จำกัด ได้ทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ทำการซ่อมเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของโรงแรมพังงาเบย์ รีสอร์ท ต่อมาโจทก์ได้นำใบแจ้งหนี้ไปเรียกเก็บเงินจำนวน ๑๘๐,๒๑๑.๘๖ บาท ซึ่งใบแจ้งหนี้ของโจทก์ลงวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๒๕ โดยแจ้งกำหนดให้ชำระเงินในวันที่ ๒๕กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ จำเลยทั้งสองยอมผูกพันตนเข้าชำระหนี้จำนวนดังกล่าวแทนบริษัท พี.บี.เอ็ม.จำกัด โดยมีหนังสือลงวันที่ ๑มีนาคม ๒๕๒๗ และวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๒๗ ถึงโจทก์ขอผ่อนชำระหนี้ต่อดจทก์ และโจทก์ได้มีหนังสือตอบสนองรับไปแล้ว โจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๒๘ ปัญหาที่ขึ้นมาสู่ศาลฎีกามีเพียงข้อเดียวว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องแล้วหรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่าบริษัท พี.บี.เอ็ม.จำกัด มีหนี้ที่ต้องชำระต่อโจทก์และจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นบุคคลภายนอกอาจขอเข้ามาชำระหนี้แทนบริษัท พี.บี.เอ็ม.จำกัด ได้ การที่จำเลยทั้งสองมีหนังสือยอมผูกพันตนเข้าชำระหนี้แทนบริษัท พี.บี.เอ็ม.จำกัด และโจทก์ก็มีหนังสือตอบสนองรับไปแล้ว เป็นสัญญาประเภทหนึ่งซึ่งคู่สัญญากระทำด้วยความสมัครใจ เมื่อไม่ขัดต่อกฎหมายย่อมสมบูรณ์ใช้บังคับได้ และเมื่อไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะก็ต้องใช้อายุความ ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔หาใช่มีอายุความ ๒ ปี ตามมูลหนี้เดิมไม่ โจทก์ฟ้องคดีโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาดังกล่าวยังไม่เกิน ๑๐ ปี คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความจำเลยทั้งสองต้องชำระหนี้แก่โจทก์ตามสัญญาที่ทำไว้ตามฟ้อง
พิพากษากลับว่า ให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน ๑๙๑,๘๗๕.๘๖ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๑๘๐,๒๑๑.๘๖ บาทนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยทั้งสองชำระค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้รวม ๓,๐๐๐ บาท.

Share