คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 23/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฎีกาต้องมีลักษณะคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งจะต้องอ้างเหตุว่า การที่ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงหรือไม่รับฟังข้อเท็จจริงดังนั้นชอบหรือไม่ เพราะเหตุใด ดังนั้นที่โจทก์ฎีกาว่าข้อเท็จจริงฟังยุติได้ตามที่โจทก์นำสืบ แต่ไม่ได้อ้างเหตุว่าทำไมจึงต้องฟังข้อเท็จจริงเช่นนั้น และไม่ได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพียงแต่กล่าวว่าโจทก์ร่วมไม่เห็นด้วยโดยไม่ได้อ้างเหตุและขอให้ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นพิจารณาอีกครั้ง จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีได้ร่วมกันปลอมเช็คธนาคารมหานคร จำกัด และร่วมกันนำเช็คดังกล่าวไปเบิกเงินจากธนาคารมหานคร จำกัด สำนักงานใหญ่ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย นายสมชาย ธนาคารมหานคร จำกัด และประชาชนทั่วไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 266,268, 341, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา บริษัทศรีวังทอง จำกัด ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 216 ฎีกาต้องมีลักษณะคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งจะต้องอ้างเหตุว่า การที่ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงหรือไม่รับฟังข้อเท็จจริงนั้นชอบหรือไม่ชอบเพราะเหตุใด ควรรับฟังข้อเท็จจริงอย่างไร ฎีกาของโจทก์ร่วมกล่าวอ้างแต่เพียงลอย ๆ ว่าฟังข้อเท็จจริงยุติได้ตามที่โจทก์นำสืบ แต่ไม่ได้อ้างเหตุว่าทำไมจึงฟังข้อเท็จจริงเช่นนั้น และไม่ได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เพียงแต่ว่าโจทก์ร่วมไม่เห็นพ้องด้วยโดยไม่ได้อ้างเหตุ และขอให้ศาลฎีกาหยิบยกข้อเท็จจริงขึ้นพิจารณาอีกครั้งเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งไม่ชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของโจทก์ร่วม

Share