คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10629/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนในประเทศไทยของบริษัท ย. ผู้ขนส่งทอดแรก จำเลยที่ 2 มีหน้าที่ที่จะต้องส่งมอบสินค้าให้แก่จำเลยที่ 1 ผู้รับตราส่งที่ลานวางตู้สินค้าขาเข้าท่าเรือกรุงเทพเมื่อจำเลยที่ 1 ได้เวนคืนใบตราส่ง ดังนั้น การที่ใบตราส่งอีกฉบับหนึ่งระบุชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับตราส่งและเป็นผู้รับแจ้งการมาถึงของสินค้าก็เพื่อที่จำเลยที่ 2 มีสิทธิที่จะเรียกให้โจทก์ส่งมอบสินค้าให้ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จำเลยที่ 2 จะได้ส่งมอบต่อให้แก่จำเลยที่ 1 เจ้าของสินค้า เมื่อสินค้ามาถึงท่าเรือกรุงเทพ จำเลยที่ 2 ติดต่อขอรับใบปล่อยสินค้าจากโจทก์ก็เพราะอยู่ในฐานะเป็นผู้รับตราส่งตามใบตราส่ง ซึ่งต้องรับสินค้าจากโจทก์ จากนั้นก็ทำหน้าที่ตัวแทนผู้ส่งมอบสินค้าให้แก่จำเลยที่ 1 แทนบริษัท ย. ตามใบตราส่ง โดยสถานที่ส่งมอบสินค้าตามใบตราส่งทั้งสองฉบับก็คือที่ซีวาย อันหมายถึงลานวางตู้สินค้าขาเข้าท่าเรือกรุงเทพ ดังนั้น เมื่อสินค้าถึงสถานที่ส่งมอบตามใบตราส่งทั้งสองฉบับแล้ว แต่จำเลยที่ 2 ยังได้สอบถามจำเลยที่ 1 ว่าจะขนถ่ายสินค้าที่ใดอีกซึ่งเมื่อจำเลยที่ 1 จะให้ลากตู้สินค้าไปที่ที่ทำการของจำเลยที่ 1 แทนการส่งมอบและรับมอบกันที่ลานวางตู้สินค้าขาเข้าท่าเรือกรุงเทพ จำเลยที่ 2 ก็ยินยอมและได้ขอยืมตู้สินค้าจากโจทก์โดยไม่ได้แสดงให้เห็นชัดในขณะนั้นว่าเป็นการยืมตู้สินค้าแทนจำเลยที่ 1 หรือเป็นการกระทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนบริษัท ย. ผู้ขนส่ง จำเลยที่ 2 จึงมีหน้าที่ต้องนำตู้สินค้าเปล่ากลับมาคืนแก่โจทก์ตามเวลาที่กำหนด การรับมอบใบปล่อยสินค้าก็ดี การยืมตู้สินค้าและการทดรองจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามพฤติการณ์แห่งคดี มิใช่เป็นการกระทำการในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดมีหน้าที่นำตู้สินค้าเปล่ากลับมาคืนแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันส่งมอบตู้สินค้าหมายเลข ดีเอ็นเอยู 8520963 คืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยและใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาเป็นเงิน 136,800 บาท ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าขาดประโยชน์จำนวน 127,400 บาท กับใช้ค่าขาดประโยชน์อัตราวันละ 400 บาท นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะส่งมอบตู้สินค้าคืนแก่โจทก์หรือใช้ราคาแทนเสร็จสิ้นแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ส่งมอบตู้สินค้าหมายเลข ดีเอ็นเอยู 8520963 คืนแก่โจทก์หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน 80,000 บาท แก่โจทก์ กับให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าขาดประโยชน์วันละ 200 บาท นับตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2550 เป็นต้นไปจนกว่าจะคืนหรือใช้ราคาตู้สินค้าดังกล่าวแก่โจทก์ แต่ทั้งนี้ให้มีกำหนดเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2550 และถ้าจำเลยที่ 2 ไม่คืนหรือไม่สามารถคืนตู้สินค้าพิพาทแก่โจทก์จนครบกำหนด 5 ปี ก็ให้จำเลยที่ 2 ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากผลรวมสุทธิ 5 ปี ของค่าเสียหายเป็นรายวันดังกล่าว (โดยไม่คิดดอกเบี้ยทบต้น) คำนวณนับแต่ครบกำหนด 5 ปี เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยที่ 2 จะชำระหนี้แก่โจทก์เสร็จสิ้น ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยที่ 1 โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังได้ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายสาธารณรัฐเกาหลี ประกอบกิจการรับขนของทางทะเล จำเลยที่ 1 สั่งซื้อสินค้าประเภทยางรถยนต์จากบริษัทจุยโชว ไทร์ ไอ/อี จำกัด ผู้ขายที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ในราคาเอฟโอบี ท่าเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนในประเทศไทยของบริษัทยูนิเวอร์แซล เฟรท ซิสเต็มส์ จำกัด ผู้ขนส่งสินค้าทอดแรกที่สาธารณรัฐประชาชนจีนที่ได้รับการว่าจ้างให้ขนส่งสินค้าดังกล่าวทางทะเลจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อส่งมอบให้จำเลยที่ 1 ที่ประเทศไทย ในเงื่อนไขการขนส่งแบบ ซีวาย/ซีวาย เก็บค่าระวางขนส่งปลายทาง โดยบริษัทยูนิเวอร์แซล เฟรท ซิสเต็มส์ จำกัด ได้ออกใบตราส่งไว้เป็นหลักฐาน ระบุชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้รับตราส่ง จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนส่งมอบ (Delivery Agent) ในประเทศไทย บริษัทยูนิเวอร์แซล เฟรท ซิสเต็มส์ จำกัด ไม่มีเรือเป็นของตนเองจึงว่าจ้างโจทก์ให้ขนส่งสินค้าทอดต่อไป โจทก์ตกลงรับขนและออกใบตราส่งซึ่งระบุชื่อบริษัทยูนิเวอร์แซล เฟรท ซิสเต็มส์ จำกัด เป็น ผู้ส่งของ จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับตราส่งและเป็นผู้รับแจ้งการมาถึงของสินค้า เมื่อสินค้ามาถึงท่าเรือกรุงเทพ ตัวแทนโจทก์แจ้งจำเลยที่ 2 ทราบ จำเลยที่ 2 ติดต่อขอยืมตู้สินค้าและรับใบปล่อยสินค้า ต่อมามีผู้นำตู้สินค้าพิพาทไปส่งที่โรงงานของจำเลยที่ 1 เพื่อขนถ่ายสินค้าออก จำเลยที่ 1 ได้รับมอบสินค้าแล้ว แต่โจทก์ไม่ได้รับตู้สินค้าหมายเลข ดีเอ็นเอยู 8520963 คืน
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 ยืมตู้สินค้าในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 1 หรือไม่ เห็นว่า การขนส่งสินค้าทางทะเลรายนี้ มีการออกใบตราส่งไว้เป็นหลักฐานรวม 2 ฉบับ ฉบับแรก คือ ใบตราส่งที่บริษัทยูนิเวอร์แซล เฟรท ซิสเต็มส์ จำกัด ในฐานะผู้ขนส่งที่สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นผู้ออก ระบุชื่อบริษัทจุยโชว ไทร์ ไอ/อี จำกัด เป็นผู้ส่งของ จำเลยที่ 1 เป็นผู้รับตราส่งและเป็นผู้รับแจ้งการมาถึงของสินค้า ส่วนจำเลยที่ 2 ถูกระบุให้เป็นตัวแทนผู้ส่งมอบ (Delivery Agent) อีกฉบับหนึ่ง คือ ใบตราส่งที่โจทก์ผู้ขนส่งที่แท้จริงเป็นผู้ออก ระบุว่าบริษัทยูนิเวอร์แซล เฟรท ซิสเต็มส์ จำกัด เป็นผู้ส่งของ จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับตราส่งและเป็นผู้รับแจ้งการมาถึงของสินค้า เงี่อนไขการขนส่งตามใบตราส่งทั้งสองฉบับเป็นแบบ ซีวาย/ซีวาย จากท่าเรือต้นทางสาธารณรัฐประชาชนจีนมายังปลายทางท่าเรือกรุงเทพ ประเทศไทย ซึ่งหน้าที่ในการดูแลรักษาสินค้าของผู้ขนส่งสิ้นสุดลงเมื่อส่งมอบตู้สินค้าให้แก่ผูรับตราส่งที่ซีวายคือลานวางตู้สินค้าขาเข้าท่าเรือกรุงเทพโดยที่จำเลยที่ 2 ถูกระบุชื่อในใบตราส่งทั้งสองฉบับต่างสถานะกัน ดังนั้น สิทธิ หน้าที่และความรับผิดของจำเลยที่ 2 จึงต้องพิจารณาสืบเนื่องมาจากความสัมพันธ์ของทุกฝ่ายตามที่ระบุในใบตราส่งแต่ละฉบับประกอบกัน สำหรับใบตราส่ง เมื่อข้อเท็จจริงได้ความจากคำให้การของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนในประเทศไทยของบริษัทยูนิเวอร์แซล เฟรท ซิสเต็มส์ จำกัด ผู้ขนส่งทอดแรก จำเลยที่ 2 จึงมีหน้าที่ที่จะต้องส่งมอบสินค้าให้แก่จำเลยที่ 1 ผู้รับตราส่งที่ลานวางตู้สินค้าเข้าท่าเรือกรุงเทพ เมื่อจำเลยที่ 1 ได้เวนคืนใบตราส่ง ดังนั้น การที่ใบตราส่งอีกฉบับหนึ่งระบุชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับตราส่งและเป็นผู้รับแจ้งการมาถึงของสินค้าก็เพื่อที่จำเลยที่ 2 มีสิทธิที่จะเรียกให้โจทก์ส่งมอบสินค้าให้ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จำเลยที่ 2 จะได้ส่งมอบต่อให้แก่จำเลยที่ 1 เจ้าของสินค้าตามเงื่อนไขการขนส่งซีวายตัวหลังตามใบตราส่ง ซึ่งส่วนนี้ได้ความจากบันทึกยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นของนางสาวแดงต้อย ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของจำเลยที่ 2 ว่า เมื่อสินค้ามาถึงท่าเรือกรุงเทพ ตัวแทนโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบและให้แจ้งข้อมูลเพื่อจัดทำเอกสารใบปล่อยสินค้า จำเลยที่ 2 จึงแจ้งต่อไปยังจำเลยที่ 1 ขอทราบข้อมูลเพื่อจัดทำใบปล่อยสินค้าและสอบถามจำเลยที่ 1 ว่าจะให้ขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือกรุงเทพหรือลากตู้สินค้าไปขนถ่ายสินค้าที่ที่ทำการของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เลือกที่จะให้ลากตู้สินค้าไปขนถ่ายสินค้าที่ที่ทำการของจำเลยที่ 1 จากนั้นจำเลยที่ 2 ได้ติดต่อกับโจทก์ขอรับใบปล่อยสินค้าและขอแก้ไขรายการสำแดงสินค้า (Cargo Manifest) ที่จะต้องยื่นต่อกรมศุลกากรโดยเปลี่ยนชื่อผู้รับตราส่งจากจำเลยที่ 2 เป็นจำเลยที่ 1 และเมื่อสินค้าของจำเลยที่ 1 บรรจุอยู่ในตู้สินค้าของโจทก์ จำเลยที่ 2 จึงต้องยืมตู้สินค้าไปจากโจทก์ พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ติดต่อขอรับใบปล่อยสินค้าจากโจทก์ก็เพราะอยู่ในฐานะเป็นผู้รับตราส่งตามใบตราส่ง ซึ่งต้องรับสินค้าจากโจทก์ จากนั้นก็ทำหน้าที่ตัวแทนผู้ส่งมอบสินค้าให้แก่จำเลยที่ 1 แทนบริษัทยูนเวอร์แซล เฟรท ซิสเต็มส์ จำกัด ตามใบตราส่งโดยสถานที่ส่งมอบสินค้าตามใบตราส่งทั้งสองฉบับก็คือที่ซีวาย อันหมายถึงลานวางตู้สินค้าขาเข้าท่าเรือกรุงเทพ ดังนั้น เมื่อสินค้าถึงสถานที่ส่งมอบตามใบตราส่งทั้งสองฉบับแล้ว แต่จำเลยที่ 2 ยังได้สอบถามจำเลยที่ 1 ว่าจะขนถ่ายสินค้าที่ใดอีกซึ่งเมื่อจำเลยที่ 1 จะให้ลากตู้สินค้าไปที่ที่ทำการของจำเลยที่ 1 แทนการส่งมอบและรับมอบกันที่ลานวางตู้สินค้าขาเข้าท่าเรือกรุงเทพ จำเลยที่ 2 ก็ยินยอมและได้ขอยืมตู้สินค้าจากโจทก์โดยไม่ได้แสดงให้เห็นชัดในขณะนั้นว่าเป็นการยืมตู้สินค้าแทนจำเลยที่ 1 หรือเป็นการกระทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนบริษัทยูนิเวอร์แซล เฟรท ซิสเต็มส์ จำกัด ผู้ขนส่ง จำเลยที่ 2 จึงมีหน้าที่ต้องนำตู้สินค้าเปล่ากลับมาคืนแก่โจทก์ตามเวลาที่กำหนด การรับมอบใบปล่อยสินค้าก็ดี การยืมตู้สินค้าและการทดรองจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามพฤติการณ์แห่งคดี มิใช่เป็นการกระทำการในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 1 อย่างที่จำเลยที่ 2 อ้างแต่อย่างใด สำหรับจำเลยที่ 1 นั้น นายวีรพล ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทไทยชิปปิ้ง เอเยนซี่ แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด ตัวแทนของโจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 2 ถามค้านว่า เหตุที่ตัวแทนโจทก์ออกใบรับเงินประกันการใช้ตู้หมาย ล.12 แผ่นที่ 1 ในนามของจำเลยที่ 1 ก็เพราะได้รับแจ้งจากจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้รับสินค้าเท่านั้น เงินประกันดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายในกรณีที่อาจต้องทำความสะอาดตู้หรือซ่อมแซมเล็กน้อย มิใช่เงินประกันกรณีตู้สินค้าสูญหาย จำเลยที่ 1 ไม่เคยติดต่อกับโจทก์เลย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1ไม่ได้มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์ที่เกี่ยวกับการยืมตู้สินค้า ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญkและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยให้จำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียวรับผิดต่อโจทก์ นั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์ 3,000 บาทแทนโจทก์

Share