คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2299/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ร่วมไปกับจำเลยที่ 3 กับพวก เมื่อจำเลยที่ 3 กับพวกลงจากรถของ ด. ที่หลังสวนกล้วยห่างบ้านผู้เสียหายประมาณ 580 เมตร เพื่อปล้นทรัพย์บ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ได้ติดรถของ ด. ไปที่บ้าน บ. และเป็นคนเรียกให้ ด. ขับรถมาคอยรอรับจำเลยที่ 3 กับพวกที่เดิม เมื่อจำเลยที่ 3 กับพวกปล้นทรัพย์เสร็จแล้ววิ่งมาขึ้นรถ จำเลยที่ 2 ก็สั่งให้ ด. ขับรถไปส่งจำเลยที่ 2 กับพวก พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ยังอยู่ห่างไกลกับการเข้าปล้นทรัพย์บ้านผู้เสียหาย แม้จำเลยที่ 2 จะมีหน้าที่คอยติดตาม ด. คนขับรถรับจ้างในขณะที่จำเลยที่ 3 กับพวกเข้าทำการปล้นทรัพย์และควบคุมให้นำรถกลับไปคอยรับตามเวลาที่จำเลยที่ 3 กับพวกนัดไว้ จำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้อยู่คอยช่วยเหลือจำเลยที่ 3 กับพวกเมื่ออาจเกิดเหตุการณ์คับขันขึ้น ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกันปล้นทรัพย์ เป็นเพียงการให้ความสะดวกในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์แก่จำเลยที่ 3 กับพวกทั้งก่อนและขณะกระทำความผิด จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ในความผิดฐานปล้นทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามที่ร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๓, ๓๔๐, ๓๔๐ ตรี คืนรถยนต์และธนบัตรของกลางให้แก่เจ้าของ และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน ๗๖,๙๓๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐, ๓๔๐ ตรี, ๘๓ จำคุกคนละ ๑๘ ปี ลดโทษให้จำเลยที่ ๓ กี่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ ๓ มีกำหนด ๙ ปี ยกฟ้องจำเลยที่ ๑ คืนรถยนต์และธนบัติของกลางแก่เจ้าของ และให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน ๗๖,๙๓๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรคสอง, ๓๔๐ ตรี, ๘๓ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า ตามวัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุ จำเลยที่ ๓ กับพวกมีอาวุธปืนพกติดตัวและใช้รถยนต์สี่ล้อเล็กของนายเดชวฤทธิ์ นาคภักดี เป็นยานพาหนะ ทำการปล้นทรัพย์นางหร่ำ ศรีรัตนะ ผู้เสียหายไปแล้ววินิจฉัยพยานโจทก์จำเลยว่า ฟังได้ว่า จำเลยที่ ๒ เป็นคนที่ร่วมไปกับจำเลยที่ ๓ กับพวกรวมเป็น ๕ คน เมื่อจำเลยที่ ๓ กับพวกอีก ๓ ตน ลงจากรถของนายเดชวฤทธิ์ที่หลังสวนกล้วยเพื่อปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย จำเลยที่ ๒ ได้ติดรถของนายเดชวฤทธิ์ไปที่บ้านนางสาวเบญจมาศ และเป็นคนเรียกให้นายเดชวฤทธิ์กลับจากบ้านนางสาวเบญจมาศขับรถไปจอดรอรับจำเลยที่ ๓ กับพวกที่เดิม รออยู่ประมาณ ๑๐ นาที จำเลยที่ ๓ กับพวกจึงวิ่งมาขึ้นรถ จำเลยที่ ๒ เป็นคนสั่งให้นายเดชวฤทธิ์ขับรถไปทางวัดลาดบัวขาว แล้วไปจอดส่งจำเลยที่ ๒ กับพวกทั้งหมดที่จุดใกล้ร้านค้าที่จำเลยที่ ๒ กับพวกมาขึ้นรถครั้งแรก พยานหลักฐานที่อยู่ของจำเลยที่ ๒ ไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ฎีกาจำเลยที่ ๒ ฟังไม่ขึ้น ปรากฏตามแผนที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.๑๑ ว่า จากที่จอดรถส่งจำเลยที่ ๓ กับพวกเข้าไปปล้นกับบ้านผู้เสียหายห่างกันประมาณ ๕๘๐ เมตร เมื่อนายเดชวฤทธิ์ขับรถไปคุยกับนางสาวเบญจมาศ จำเลยที่ ๒ ก็นั่งไปกับรถด้วย เมื่อได้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง จำเลยที่ ๒ ก็ให้นายเดชวฤทธิ์ขับรถมาคอยรับจำเลยที่ ๓ กับพวกที่เดิม เมื่อจำเลยที่ ๓ กับพวกปล้นเสร็จแล้ว วิ่งมาขึ้นรถ จำเลยที่ ๒ ก็สั่งให้นายเดชวฤทธิ์ขับรถไปส่งแล้วหลบหนีไปนั้น พฤติการณ์ดังกล่าวจำเลยที่ ๒ ยังอยู่ห่างไกลกับการเข้าปล้นทรัพย์บ้านผู้เสียหาย แม้จำเลยที่ ๒ จะมีหน้าที่คอยติดตามนายเดชวฤทธิ์คนขับรถรับจ้างในขณะที่จำเลยที่ ๓ กับพวก เข้าทำการปล้นทรัพย์และควบคุมให้นำรถกลับไปคอยรับตามเวลาที่จำเลยที่ ๓ กับพวกนัดกันไว้ จำเลยที่ ๒ ไม่ได้อยู่คอยช่วยเหลือจำเลยที่ ๓ กับพวกเมื่ออาจเกิดเหตุการณ์คับขันขึ้น ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ ๒ เป็นตัวการร่วมกันปล้นทรัพย์รายนี้ เป็นเพียงการให้ความสะดวกในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์แก่จำเลยที่ ๓ กับพวก ทั้งก่อนและขณะกระทำความผิด จำเลยที่ ๒ จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ ในความผิดฐานปล้นทรัพย์ ต้องระวางโทษจำเลยที่ ๒ สองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดฐานปล้นทรัพย์ ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยที่ ๒ ฐานเป็นตัวการปล้นทรัพย์ ยังไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรคสอง, ๓๔๐ ตรี, ๘๖ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๔, ๑๕ ให้จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๑๒ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share