แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อบังคับการทำงานของจำเลยกำหนดว่า พนักงานต้องอุทิศเวลาให้แก่บริษัทฯ ไม่มาสายหรือกลับก่อนเวลาทำงาน หรือหลับในเวลาปฏิบัติงานหรือปฏิบัติงานล่าช้าโดยเจตนาหรือหลีกเลี่ยงการทำงาน ฯลฯ ดังนั้น การที่โจทก์ใช้เวลาทำงานประกอบธุรกิจส่วนตัวย่อมถือว่าปฏิบัติงานล่าช้าโดยเจตนาและหลีกเลี่ยงการงานอยู่ในตัวแล้ว โจทก์จึงได้ชื่อว่าไม่อุทิศเวลาให้แก่นายจ้าง เมื่อไม่ปรากฏว่าการประกอบธุรกิจส่วนตัวของโจทก์เกิดขึ้น ก่อนหรือหลังจากที่จำเลยเพิ่มค่าจ้างให้โจทก์แล้ว จึงไม่อาจถือเอาการเพิ่มค่าจ้างเป็นข้อยกเว้นว่าการประกอบธุรกิจส่วนตัวในเวลาทำงานไม่เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงาน เพราะการจะพิจารณาว่านายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยไม่เป็นธรรมหรือไม่ ต้องพิจารณาว่าการเลิกจ้างนั้นมีสาเหตุอันควรหรือไม่ หากนายจ้างเลิกจ้างโดยปราศจากสาเหตุหรือเป็นการกลั่นแกล้งลูกจ้าง การเลิกจ้างนั้นจึงจะเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
โจทก์ใช้เวลาทำงานประกอบธุรกิจส่วนตัวภายในสำนักงาน เป็นเหตุให้พนักงานอื่นต้องหยุดการทำงานเพื่อเลือกสรรเครื่องประดับที่โจทก์นำมาเสนอขายการกระทำของโจทก์ถือได้ว่ากระทำการอันไม่สมควรแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 จำเลยเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า แต่การกระทำของโจทก์ดังกล่าวยังไม่ถึงขั้นเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีร้ายแรงตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(3)
การที่โจทก์แนะนำคนรู้จักหรือญาติพี่น้องเข้าสมัครทำงานกับจำเลยแล้วคัดเลือกใบสมัครเฉพาะพรรคพวกของโจทก์ส่งไป ทั้งที่มีผู้สมัครหลายราย แต่โจทก์แจ้งว่ามีผู้สมัครเฉพาะเท่าที่โจทก์ส่งไป เป็นการตัดโอกาสที่จำเลยจะคัดเลือกผู้มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมได้ แม้โจทก์จะได้รับความยำเกรงจากผู้ที่ได้รับคัดเลือกและเป็นการสร้างสมบารมีก็ไม่ใช่เป็นผลประโยชน์ในเชิงทรัพย์สินการกระทำของโจทก์หาเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(1) ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ จำเลยปลดโจทก์ออกจากงานโดยอ้างว่าโจทก์ประกอบธุรกิจส่วนตัวภายในสำนักงาน ใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควร ซึ่งไม่เป็นความจริง เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม และไม่บอกกล่าวล่วงหน้าขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชยค่าค้างชำระค่าเสียหาย พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ทุจริตใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่คัดเลือกเฉพาะบุคคลที่คุ้นเคยกับโจทก์เข้าทำงานในบริษัทจำเลยด้วยการปกปิดข้อเท็จจริงว่าไม่มีบุคคลอื่นสมัครเข้าทำงาน ทั้งที่โจทก์สามารถคัดเลือกจากบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและเหมาะสมกว่า บุคคลที่โจทก์คัดเลือกเข้าทำงานในบริษัทจำเลยส่วนใหญ่เป็นผู้หย่อนความสามารถในการทำงาน ประพฤติตัวกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชาทำให้การบริหารงานของจำเลยไม่ราบรื่นและก่อให้เกิดความแตกสามัคคีในหมู่พนักงานและโจทก์ทุจริตแก้ไขข้อมูลใบสมัครเข้าทำงานกับจำเลยเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบแก่ตนเอง อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่ร้ายแรง เป็นการจงใจทำให้จำเลยเสียหาย โจทก์ใช้เวลาทำงานตามปกติประกอบธุรกิจส่วนตัวภายในสำนักงานโดยจำหน่ายเครื่องทองรูปพรรณ นำญาติมารับจ้างตัดเสื้อผ้าเป็นอาจิณ เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับในการทำงานอย่างร้ายแรงจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินใด ๆ ดังฟ้อง
ศาลแรงงานพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อบังคับของจำเลยกำหนดไว้ว่าพนักงานต้องอุทิศเวลาให้แก่บริษัทฯ ไม่มาสายหรือกลับก่อนเวลาทำงาน หรือหลับในเวลาปฏิบัติงาน หรือปฏิบัติงานล่าช้าโดยเจตนา หรือหลีกเลี่ยงหน้าที่การงาน หรือหยอกล้อเล่นในระหว่างทำงาน ดังนั้นการที่โจทก์ใช้เวลาทำงานประกอบธุรกิจส่วนตัวย่อมถือว่าปฏิบัติงานล่าช้าโดยเจตนาและหลีกเลี่ยงการงานในตัวอยู่แล้ว โจทก์จึงได้ชื่อว่าไม่อุทิศเวลาให้แก่จำเลยผู้เป็นนายจ้าง จึงเป็นการผิดวินัย การประกอบธุรกิจส่วนตัวของโจทก์ดังกลาวไม่ปรากฏว่าเกิดขึ้นก่อนหรือหลังจากที่จำเลยเพิ่มค่าจ้างให้โจทก์แล้ว จะถือว่าการเพิ่มค่าจ้างเป็นข้อยกเว้นว่าการประกอบธุรกิจส่วนตัวในเวลาทำงานไม่เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับการทำงานหาได้ไม่ การพิจารณาว่านายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยไม่เป็นธรรมหรือไม่ ต้องพิจารณาว่าการเลิกจ้างนั้นมีสาเหตุอันควรหรือไม่หากนายจ้างเลิกจ้างโดยปราศจากสาเหตุ หรือเป็นการกลั่นแกล้งลูกจ้าง การเลิกจ้างนั้นจึงจะเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์คดีนี้ถือไม่ได้ว่าไม่เป็นธรรม
โจทก์เป็นพนักงานระดับผู้บังคับบัญชา ต้องอุทิศเวลาให้นายจ้างต้องประพฤติตนเป็นตัวอย่างแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา อบรมผู้ใต้บังคับบัญชาให้ประพฤติดีตามระเบียบข้อบังคับการทำงาน แต่โจทก์กลับใช้เวลาทำงานประกอบธุรกิจส่วนตัวภายในสำนักงาน การกระทำของโจทก์เป็นเหตุให้พนักงานอื่นต้องหยุดการทำงานเพื่อเลือกสรรเครื่องประดับและต่อรองราคา การประพฤติตัวของโจทก์ดังกล่าวถือได้ว่ากระทำการอันไม่สมควรแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 จำเลยเลิกจ้างโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
การที่โจทก์แนะนำคนรู้จักหรือญาติพี่น้องเข้าสมัครทำงาน แล้วคัดเลือกใบสมัครเฉพาะพรรคพวกของโจทก์ เป็นการตัดโอกาสที่จำเลยจะคัดเลือกผู้มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมได้ แม้โจทก์ไม่ได้ผลประโยชน์อันใดตอบแทน แต่โจทก์ได้รับความยำเกรงจากผู้ที่ได้รับคัดเลือกและเป็นการสร้างสมบารมี ความยำเกรงและการสร้างสมบารมีที่โจทก์ได้รับดังกล่าวไม่ใช่ผลประโยชน์ในเชิงทรัพย์สิน การกระทำของโจทก์หาเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 47(1) ไม่
การประกอบธุรกิจส่วนตัวของโจทก์ในสำนักงานยังไม่ถึงขั้นเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีร้ายแรงตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(3)
โจทก์มีคำขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยสำหรับค่าชดเชย แต่ศาลแรงงานกลางไม่ได้พิพากษาให้ ศาลฎีกาแก้ไขให้เป็นการถูกต้องได้
พิพากษาแก้เป็นให้จำเลยชำระดอกเบี้ยสำหรับเงินต้นค่าชดเชยด้วย