แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแต่โจทก์มีพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีเชื่อได้ว่าก่อนเกิดเหตุเล็กน้อยและในขณะเกิดเหตุยิงกันจำเลยอยู่กับผู้ตายเพียงสองคนที่บ้านของจำเลย หลังเกิดเหตุแล้วจำเลยหลบหนีไปทันที ชั้นสอบสวนจำเลยยอมรับว่าหลบหนีไปเพราะจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย พยานหลักฐานโจทก์ประกอบกันรับฟังลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้ตายได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงประทุษร้ายนายเพ็งศรีเกตุ โดยมีเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกนายเพ็ง ศรีเกตุถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 20ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยไว้ 13 ปี 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในขณะเกิดเหตุที่ผู้ตายถูกยิงนั้นจำเลยอยู่กับผู้ตายลำพังสองคน ระยะเวลาที่มีพยานเห็นจำเลยอยู่กับผู้ตายครั้งสุดท้ายห่างกันระยะเวลาเดินเพียง 200 เมตร เมื่อพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ใหญ่บ้านไปถึงที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าผู้ตายถูกยิงตายที่ข้างบ้านจำเลย โดยจำเลยหลบหนีไปทันทีหลังจากเกิดเหตุ ในชั้นสอบสวนจำเลยยอมรับว่าหลบหนีไปเพราะจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยดังกล่าวไม่มีกฎหมายห้ามไม่ให้รับฟังประกอบเป็นข้อพิจารณาของศาลแต่ประการใด เมื่อรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นตลอดจนพฤติการณ์แห่งคดีเห็นว่าพยานโจทก์มีน้ำหนักและหลักฐานมั่นคง คดีฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายจริง พยานจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างข้อเท็จจริงดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.