แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นได้เกษียนสั่งกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ไว้ในคำให้การจำเลยในวันที่จำเลยยื่นคำให้การ ต้องถือว่าจำเลยทราบกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์ตั้งแต่วันที่จำเลยนำคำให้การไปยื่นต่อศาล จำเลยได้รับหมายนัด และได้ทราบกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์โดยชอบแล้ว การที่จำเลยเข้าใจหรือจำเวลานัดสืบพยานโจทก์ผิดพลาดไปเพราะความเข้าใจผิดหรือหลงลืมของจำเลยเอง ไม่มีเหตุสมควรที่จะขอให้ พิจารณาใหม่และไม่จำต้องไต่สวนคำร้อง ของ จำเลย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ค่าสินค้าพร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การต่อสู้คดี ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์โดยเกษียนสั่งในคำให้การของจำเลยในวันเดียวกับที่จำเลยยื่นคำให้การต่อศาล และมีหมายนัดให้ทนายจำเลยทราบโดยชอบ จำเลยไม่มาศาลตามเวลาที่กำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแล้วพิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียวและพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี
หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว จำเลยยื่นคำร้องในวันเดียวกันว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณา ขอให้ยกเลิกคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและอนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานเข้าสืบ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องต่อมาจำเลยยื่นคำร้องอีก 2 ฉบับ อ้างว่าทนายจำเลยขอให้ศาลชั้นต้นชี้สองสถานในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2528 เวลา 13.30 นาฬิกา แต่ศาลชั้นต้นสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2528เวลา 9 นาฬิกา ทนายจำเลยไม่ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ ไม่ได้แก้เวลานัดที่บันทึกไว้ในสมุดนัด คำร้องฉบับที่สองอ้างว่า ทนายจำเลยไม่ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ ไม่ได้รับหมายนัด ผู้รับหมายนัดไม่ได้แจ้งเวลานัดให้ทนายจำเลยทราบ ขอให้สั่งไต่สวนคำร้องของจำเลยและให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องทั้งสองฉบับ จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้เกษียนสั่งไว้ในคำให้การวันเดียวกับวันที่จำเลยยื่นคำให้การว่านัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2528 เวลา 9 นาฬิกา โดยมิได้สั่งให้ชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทซึ่งคำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้ต้องถือว่า จำเลยทราบกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์ตั้งแต่วันที่จำเลยนำคำให้การไปยื่นต่อศาลแล้ว จำเลยจะเข้าใจเอาเองว่าศาลกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์วันเวลาเดียวกับวันนัดชี้สองสถานที่จำเลยบันทึกไว้ในสมุดนัดหาได้ไม่ นอกจากนี้ยังปรากฏว่าศาลได้มีหมายนัดแจ้งกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์ตามวันและเวลาดังกล่าวให้จำเลยทราบด้วยซึ่งได้ความจากคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยว่า มีผู้รับหมายนัดนั้นไว้แทนทนายจำเลย จำเลยคงอ้างแต่เพียงว่าผู้รับหมายนัดแจ้งต่อทนายจำเลยว่า ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2528เท่านั้น โดยไม่ได้บอกเวลานัดให้ทนายจำเลยทราบ เห็นว่า พฤติการณ์ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวย่อมเป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่า จำเลยได้รับหมายนัด และได้ทราบกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์โดยชอบแล้วจำเลยจะอ้างว่า บุคคลที่รับหมายนัดไว้แทนมิได้บอกเวลานัดให้ทราบหาได้ไม่ ประการสุดท้าย ปรากฏตามสำนวนว่าทนายจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยานโจทก์โดยชอบและด้านบนสุดของแบบพิมพ์บัญชีระบุพยานของจำเลยมีข้อความพิมพ์ไว้ว่า “สืบโจทก์วันที่ 25พ.ย. 28 9.00″ การที่บัญชีระบุพยานของจำเลยมีข้อความดังกล่าวปรากฏชัดเจนอยู่ด้วยเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่า จำเลยทราบกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์ล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนวันยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลแล้ว หากจำเลยเข้าใจหรือจำเวลานัดสืบพยานโจทก์ผิดไปก็เป็นการเข้าใจผิดหรือหลงลืมของจำเลยเอง หาใช่มีเหตุอันสมควรที่จะขอให้พิจารณาใหม่ไม่ ดังนี้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของจำเลย แล้วมีคำสั่งใหม่ นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น