คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5969/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือรับรองราคาที่ดิน ที่เจ้าพนักงานที่ดินออกให้เป็นเอกสาร ซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่ จึงเป็นเอกสารราชการ
จำเลยที่ 2 เป็นตัวการจัดให้มีการทำปลอมหนังสือรับรองราคาที่ดิน แล้วมอบให้จำเลยที่ 1 เพื่อนำไปใช้เป็นหลักประกันใน การยื่นคำร้อง ขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาต่อศาล จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องใจความว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันทำปลอมหนังสือรับรองราคาที่ดินอันเป็นเอกสารราชการขึ้นทั้งฉบับ แล้วนำไปใช้อ้างต่อศาลเพื่อขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาในคดีอาญาอีกคดีหนึ่ง เป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อ จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวไปขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๑, ๑๓๗, ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๘
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕ จำคุก ๑ ปี สำหรับข้อหาอื่นและจำเลยที่ ๑ ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๒ ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนังสือรับรองราคาที่ดินตามเอกสารหมาย จ.๑ เป็นเอกสารราชการปลอม ปัญหาที่จะวินิจฉัยในชั้นนี้มีว่า จำเลยที่ ๒ ทำปลอมเอกสารดังกล่าวหรือไม่ โจทก์มีนายสมภพ เทพนิมิตร ผู้เขียนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวให้จำเลยที่ ๑ เบิกความยืนยันว่าวันเกิดเหตุ จำเลยที่ ๒ พาจำเลยที่ ๑ ไปแนะนำให้นาสมภพเป็นผู้เขียนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวให้โดยมีการมอบหนังสือรับรองราคาที่ดินเอกสารหมาย จ.๑ ให้ด้วย และเมื่อเรื่องปรากฏขึ้นว่าลายมือชื่อผู้รับรองราคาที่ดินตามเอกสารดังกล่าวไม่เหมือนตัวอย่างลายมือชื่อที่ให้ทางศาลไว้นายธำรง ยาหยาหมัน จ่าศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชเรียกจำเลยที่ ๑ ไปสอบถามจำเลยที่ ๑ เล่าความเป็นมาในเรื่องนี้ให้นายธำรงบันทึกไว้ตามเอกสารหมาย จ.๒ มีใจความว่า จำเลยที่ ๑ ได้ไปติดต่อกับนายประจวบ ไม่ทราบนามสกุล (หมายถึง จำเลยที่ ๒) ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อออกหนังสือรับรองราคาที่ดินให้ นายประจวบเป็นผู้จัดทำให้โดยเรียกเงินในการนี้จากจำเลยที่ ๑ ไป ๒๐๐ บาท เห็นว่า ในตอนที่นายธำรงเรียกจำเลยที่ ๑ ไปสอบถามนี้ จำเลยที่ ๑ ยังไม่รู้ตัวว่าตนเองตกอยู่ในฐานะผู้ต้องหาและไม่มีโอกาสที่จะคาดคิดให้ร้ายจำเลยที่ ๒ ได้ทัน ทั้งไม่เคยมีสาเหตุกับจำเลยที่ ๒ ด้วย จึงเชื่อว่าจำเลยที่ ๑เล่าความเป็นมาในเรื่องนี้แก่นายธำรงตามความเป็นจริง เมื่อพิเคราะห์หลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับคำร้องขอปล่อยชั่วคราว เอกสารหมาย จ.๑ และ จ.๕ ถึง จ.๗ ก็ไม่มีชื่อจำเลยที่ ๒ ปรากฏอยู่เลยทำให้เห็นว่าหากจำเลยที่ ๑ ไม่เล่าว่าจำเลยที่ ๒ เป็นผู้จัดทำหนังสือรับรองราคาที่ดินให้นายธำรงฟัง นายธำรงซึ่งไม่เคยรู้จักจำเลยที่ ๒ และไม่ทราบความเป็นมาในเรื่องนี้มาก่อนย่อมไม่อาจคิดเสกสรรค์ปั้นเรื่องและบันทึกคำให้การของจำเลยที่ ๑ ตามเอกสารหมาย จ.๒ ให้มีข้อความพาดพึงเกี่ยวโยงไปถึงจำเลยที่ ๒ ขึ้นเองได้ เหตุนี้ เอกสารหมาย จ.๒ จึงเป็นหลักฐานรับฟังประกอบคดีของโจทก์ได้ สำหรับนายสมภพที่เบิกความว่าจำเลยที่ ๒ มีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับเรื่องนี้ ก็ไม่เคยมีสาเหตุกับจำเลยที่ ๒ มาก่อน ทั้งจำเลยที่ ๒ ก็ว่าไม่เคยรู้จักกับนายสมภพเสียอีก ดังนี้ จึงไม่มีเหตุให้คิดไปว่านายสมภพจะแกล้งปรักปรำให้ร้ายจำเลยที่ ๒ แต่อย่างใด น่าเชื่อว่านายสมภพเบิกความเรื่องนี้ตามความเป็นจริงจึงเห็นว่าคดีนี้ แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ทำปลอมเอกสารหมาย จ.๑ ก็ตาม แต่เมื่อประมวลพฤติการณ์จากพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีดังวินิจฉัยมา ประกอบกับจำเลยที่ ๒ ปฏิบัติราชการประจำอยู่สำนักงานที่ดินจังหวัดซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดทำหนังสือรับรองราคาที่ดินให้ประชาชนที่มาติดต่อร้องขอแล้ว คดีมีเหตุผลให้ฟังได้ว่า จำเลยที่ ๒ เป็นตัวการจัดให้มีการทำปลอมเอกสารหมาย จ.๑ อันเป็นเอกสารราชการขึ้นจริงดังโจทก์ฟ้อง ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share