คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2290/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่คู่ความตกลงนำสืบพยานกันเฉพาะประเด็นตามคำท้าว่าขณะเกิดเหตุ ส. ผู้ขับรถจำเลยที่ 1 คันที่เอาประกันภัยกับโจทก์มีใบอนุญาตขับรถยนต์โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น ย่อมหมายถึงชอบด้วยกฎหมายตามกรมธรรม์ประกันภัยรายพิพาทหรือไม่การวินิจฉัยย่อมต้องพิจารณาถึงเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยประกอบเมื่อปรากฏว่าตามเงื่อนไขในกรมธรรม์มีไว้เพื่อไม่ให้ผู้ที่ขับรถยนต์ไม่เป็นหรือไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์มาขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัย การที่ ส. มีใบอนุญาตขับรถยนต์มาก่อนเกิดเหตุเพียงแต่ขาดต่ออายุระหว่างเกิดเหตุ หาได้หมายความว่า ความสามารถในการขับรถยนต์ของ ส.บกพร่องไปไม่ จึงถือได้ว่า ส.มีใบอนุญาตขับรถยนต์โดยชอบด้วยกฎหมายตามคำท้าของโจทก์และจำเลยที่ 1 โจทก์ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำประกันภัยรถยนต์เก๋งกับโจทก์ระยะเวลา 1 ปี โดยระบุให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์คันนี้เป็นผู้รับประโยชน์โจทก์ออกกรมธรรม์ประกันภัยให้จำเลยที่ 2 โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้รับประกันภัยจะไม่คุ้มครองความเสียหายใด ๆ ต่อรถยนต์ที่เอาประกันภัย หากผู้ขับขี่ในขณะเกิดอุบัติเหตุไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมาย ต่อมาจำเลยที่ 1 แจ้งให้โจทก์ทราบว่ารถยนต์ที่เอาประกันภัยชนเสาไฟฟ้าได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 1 แจ้งเจ้าหน้าที่ผู้ไปตรวจสอบทราบว่าผู้ขับรถยนต์คือนางสาวแสงจันทร์ ทองดี ซึ่งมีใบอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมายโจทก์จึงจัดการซ่อมแซมรถยนต์คันดังกล่าว ต่อมาโจทก์ตรวจสอบพบว่าผู้ขับรถยนต์ที่เอาประกันภัยขณะเกิดเหตุคือนายสนธิ์ธิสาจารย์ ซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมายการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยที่ 2 ได้รับประโยชน์จากการกระทำโดยมิชอบของจำเลยที่ 1 จึงต้องใช้เงินคืนให้โจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 21,639 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2522จนกว่าจำเลยทั้งสองจะใช้เงินให้โจทก์เสร็จ
จำเลยที่ 1 ให้การว่า ผู้ขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัยในขณะเกิดเหตุคือนางสาวแสงจันทร์ ทองดี ไม่ใช่นายสนธิ์ ธิสาจารย์และความจริงนายสนธิ์ก็มีใบอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมายแต่ขาดต่อใบอนุญาต จึงไม่ถูกตัดสิทธิตามที่กำหนดในกรมธรรม์ประกันภัยของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 2
คู่ความแถลงขอให้ศาลสืบพยานประเด็นเดียวว่า นายสนธิ์ธิสาจารย์ มีใบอนุญาตขับรถยนต์โดยชอบด้วยกฎหมายในขณะเกิดเหตุหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า การขาดต่อใบอนุญาตขับรถยนต์ของนายสนธิ์ ธิสาจารย์ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการถูกตัดสิทธิโดยผลของกฎหมายตามข้อกำหนดในกรมธรรม์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ 1 คืนเงิน 21,639 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2523 จนกว่าจำเลยที่ 1 ชำระเงินเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนสืบพยานโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนเสร็จ โจทก์และจำเลยที่ 1 แถลงรับกันในประเด็นเรื่องค่าเสียหาย และตกลงท้ากันให้นายทะเบียนยานพาหนะกรุงเทพมหานครวินิจฉัยว่านายสนธิ์ ธิสาจารย์ มีใบอนุญาตขับรถยนต์โดยชอบด้วยกฎหมายที่ได้รับจากนายทะเบียนยานพาหนะกรุงเทพมหานครในขณะเกิดเหตุคดีนี้ (วันที่ 20 ธันวาคม2522) หรือไม่ ถ้านายทะเบียนยานพาหนะกรุงเทพมหานครวินิจฉัยว่านายสนธิ์ ธิสาจารย์ มีใบอนุญาตขับรถยนต์ที่ได้รับจากนายทะเบียนดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมายในขณะเกิดเหตุ โจทก์ยอมแพ้คดี หากวินิจฉัยตรงกันข้ามจำเลยยอมแพ้คดี ประเด็นอื่นนอกจากนี้โจทก์และจำเลยที่ 1 ขอสละทั้งหมด ถ้านายทะเบียนยานพาหนะกรุงเทพมหานครไม่สามารถวินิจฉัยได้ตามคำท้าโจทก์และจำเลยที่ 1 ขอสืบพยานกันต่อไปเฉพาะในประเด็นตามคำท้าศาลชั้นต้นหมายเรียกพันตำรวจโทนิวัตติ์ เอมะวรรธนะ หัวหน้าแผนกขับขี่รถยนต์มาสอบถามพันตำรวจโทนิวัตติ์แถลงว่าไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่านายสนธิ์มีใบอนุญาตขับรถยนต์โดยชอบด้วยกฎหมายที่ได้รับจากนายทะเบียนยานพาหนะกรุงเทพมหานครในขณะเกิดเหตุคือวันที่ 20 ธันวาคม 2522 หรือไม่ โจทก์และจำเลยที่ 1 จึงต้องสืบพยานกันต่อไปเฉพาะในประเด็นตามคำท้าข้อเท็จจริงโจทก์และจำเลยที่ 1 นำสืบรับกันฟังได้ว่าในวันที่ 20 ธันวาคม 2522 ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุคดีนี้ นายสนธิ์ธิสาจารย์ มีใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลที่ออกให้โดยนายทะเบียนยานพาหนะกรุงเทพมหานคร แต่ขาดต่ออายุใบอนุญาตขับรถยนต์ดังกล่าวและวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายว่าในวันเกิดเหตุคดีนี้นายสนธิ์มีใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ว่า เมื่อพิเคราะห์คำฟ้องคำให้การและคำท้าแล้วจะเห็นเจตนาของโจทก์และจำเลยที่ 1 ที่มีคำท้ากันว่า นายสนธิ์มีใบอนุญาตขับรถยนต์โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น หมายถึงชอบด้วยกฎหมายตามกรมธรรม์ประกันภัยรายพิพาทเอกสารหมาย จ.1 หรือไม่อันเป็นประเด็นที่พิพาทกันมานั่นเองหาใช่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ในกรณีทั่ว ๆ ไปซึ่งมิได้เกี่ยวกับคดีนี้ไม่ การวินิจฉัยจึงต้องพิจารณาถึงเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยรายพิพาทประกอบด้วย และเมื่อพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่าเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยรายพิพาทมีไว้เพื่อไม่ให้ผู้ที่ขับรถยนต์ไม่เป็นหรือไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์มาขับรถยนต์ที่เอาประกันเพราะเกรงเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย จะทำให้โจทก์ผู้รับประกันภัยต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนมากขึ้น คดีนี้นายสนธิ์มีใบอนุญาตขับรถยนต์มาก่อนเกิดเหตุเพียงแต่ขาดต่ออายุใบอนุญาตในระหว่างเกิดเหตุ ซึ่งหาได้หมายความว่าความสามารถในการขับรถยนต์ของนายสนธิ์บกพร่องไปไม่ จึงถือได้ว่านายสนธิ์มีใบอนุญาตขับรถยนต์โดยชอบด้วยกฎหมายตามคำท้าของโจทก์และจำเลยที่ 1 โจทก์ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง.

Share