คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกร่วมกันมีปืนพกเป็นอาวุธเข้าปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายและเพื่อความสะดวกในการปล้นได้ใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงผู้เสียหายกับพวกถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่าดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 340 วรรคท้าย ต้องลงโทษตามมาตรา 289 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดและเมื่อเป็นความผิดตามมาตรา 289 แล้ว ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 288 อีกบทหนึ่ง
อาวุธปืนของผู้ตายที่ถูกจำเลยกับพวกปล้นเอาไปและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาเป็นของกลางนั้น เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ความชัดว่าเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานเนื่องจากเลขทะเบียน ลบเลือนเช่นนี้ไม่ชอบที่ศาลจะสั่งริบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกอีก ๒ คนบังอาจร่วมกันมีปืนพกเป็นอาวุธปล้นทรัพย์ของนายยนตร์และนางมิน คงประสิทธิ์ สามีภริยาไปโดยทุจริต ในการปล้นทรัพย์นี้จำเลยกับพวกใช้ปืนพกดังกล่าวยิงนายยนตร์ นางมิน คงประสิทธิ์ และนายสมพร ดวงใจ หลายนัดโดยเจตนาฆ่า และนายยนตร์ นางมิน คงประสิทธิ์ นายสมพร ดวงใจ ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยกับพวก ทั้งนี้เพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์ การพาทรัพย์นั้นไปให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้นเพื่อปกปิดการกระทำผิด เพื่อให้พ้นจากการจับกุมและเพื่อความสะดวกในการที่กระทำผิดอย่างอื่นคือฐานปล้นทรัพย์ และเพื่อปกปิดความผิดฐานปล้นทรัพย์นั้นและเจ้าพนักงานได้ปลอกกระสุนที่ใช้ยิงแล้วหัวกระสุนปืนกระสุนปืนซึ่งใช้ในการกระทำผิด กับได้อาวุธปืนพก ๑ กระบอก และแมกกาซีนลูกกระสุนปืนซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานของนางมินผู้ตายเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐, ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๓ กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน ๙,๖๐๐ บาทแก่ทายาทผู้ตายและริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำความผิด
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๒๘๙, ๓๔๐ ลงโทษตามมาตรา ๒๘๙ ซึ่งเป็นบทหนักและกระทงหนักที่สุดตามมาตรา ๙๐, ๙๑ โดยให้วางโทษประหารชีวิตจำเลยของกลางริบ กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๘,๐๐๐ บาทที่ยังไม่ได้คืนแก่ทายาทเจ้าทรัพย์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องจริงและวินิจฉัยในข้อกฎหมายว่า แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๙, ๓๔๐ แล้วลงโทษตามมาตรา ๒๘๙ โดยอ้างว่าเป็นบทและกระทงหนักที่สุดนั้น ยังคลาดเคลื่อนอยู่เพราะการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทและเมื่อเป็นความผิด ตามมาตรา ๒๘๙ แล้ว ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา ๒๘๘ อีกบทหนึ่งนอกจากนี้เกี่ยวกับปืนของกลางของนางมินผู้ตาย ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ความชัดว่าเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงาน เนื่องจากเลขทะเบียนลบเลือนไม่ชอบที่จะริบ
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙, ๓๔๐ วรรคท้าย ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๘๙ อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา ๙๐ ปืนของกลางให้คืนแก่ทายาทของนางมินผู้ตายนอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share