แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ไม่ได้ จำเลยผู้ฎีกาได้ยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า ส่งสำเนาฎีกาให้ทนายโจทก์ไม่ได้ เพราะทนายโจทก์ออกไปธุระ และขอให้ส่งใหม่อีกครั้งโดยวิธีปิดหมาย ศาลชั้นต้นสั่งว่าให้รอผลการส่งหมายก่อน ต่อมาอีก 4 เดือนเศษ พนักงานเดินหมายเพิ่งรายงานผลการส่งหมายให้ศาลชั้นต้นทราบดังที่จำเลยแถลง ดังนี้ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งคำแถลงของจำเลยว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ศาลชั้นต้นกลับสั่งให้รอจำเลยแถลง โดยมิได้แจ้งคำสั่งให้ทราบด้วย จำเลยย่อมไม่ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว และไม่อาจดำเนินการอะไรได้ การที่ระยะเวลาล่วงเลยไปเช่นนี้เป็นเพราะความบกพร่องของพนักงานเดินหมายที่รายงานผลการส่งหมายล่าช้าเกินสมควรจะถือว่าจำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลกำหนดและถือว่าจำเลยทิ้งฎีกาไม่ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 14,361 บาท พร้อมดอกเบี้ยจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ส่วนจำเลยที่ 2และที่ 3 ให้การต่อสู้คดีว่าไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระเงินจำนวน 4,178 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 29 มกราคม 2528จนกว่าจะชำระเสร็จกับให้ชำระเงินจำนวน 9,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ไม่ได้ จำเลยที่ 3 ก็ได้ยื่นคำแถลงฉบับลงวันที่ 7 มิถุนายน 2533 ต่อศาลชั้นต้นว่าส่งสำเนาฎีกาให้ทนายโจทก์ไม่ได้ เพราะทนายโจทก์ออกไปธุระและขอให้ส่งใหม่อีกครั้งโดยวิธีปิดหมาย แต่เนื่องจากพนักงานเดินหมายยังไม่ได้รายงานผลการส่งหมาย ศาลชั้นต้นจึงสั่งว่าให้รอผลการส่งหมายก่อน ต่อมาอีก 4 เดือนเศษ คือวันที่ 10 ตุลาคม 2533พนักงานเดินหมายเพิ่งรายงานผลการส่งหมายให้ศาลทราบว่าส่งสำเนาฎีกาให้ทนายโจทก์ไม่ได้ โดยแจ้งเหตุขัดข้องตรงกับคำแถลงของจำเลยที่ 3ดังกล่าว ดังนี้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งคำแถลงของจำเลยที่ 3ฉบับลงวันที่ 7 มิถุนายน 2533 ว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไปแต่ศาลชั้นต้นกลับสั่งให้รอจำเลยที่ 3 แถลงโดยมิได้แจ้งคำสั่งให้จำเลยที่ 3 ทราบด้วย จำเลยที่ 3 ย่อมไม่ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว และไม่อาจดำเนินการอะไรได้ การที่ระยะเวลาล่วงเลยไปเช่นนี้เป็นเพราะความบกพร่องของพนักงานเดินหมายที่รายงานผลการส่งหมายล่าช้าเกินสมควร จะถือว่าจำเลยที่ 3 เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลกำหนดและถือว่าจำเลยที่ 3ทิ้งฎีกาไม่ได้
จึงมีคำสั่งให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นลงวันที่ 10 ตุลาคม 2533ที่สั่งว่า “ให้รอจำเลยที่ 3 ผู้ยื่นฎีกาแถลง” นั้นเสียให้ศาลชั้นต้นสั่งคำแถลงของจำเลยที่ 3 ฉบับลงวันที่ 7 มิถุนายน 2533แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามรูปคดี