แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ส. จำเลยรู้อยู่แล้วว่าบริษัท ส.เป็นลูกหนี้โจทก์และยังไม่ได้รับชำระหนี้ จำเลยได้โอนทรัพย์สินของบริษัท ส. ให้บริษัท อ. ซึ่งเป็นการทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน แม้การโอนทรัพย์สินรายนี้จำเลยกระทำไปตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นในฐานะที่จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการ ก็ถือได้ว่าจำเลยร่วมรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดฐานเป็นตัวการในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๐
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๓๕๐ ลงโทษจำคุก ๑ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกา
ในปัญหาซึ่งจำเลยฎีกาว่า การโอนทรัพย์สินตามฟ้อง จำเลยกระทำในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทแสตนดาร์ดออยล์ประเทศไทย จำกัด ตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นจำเลยไม่มีเจตนาทุจริต จึงไม่ต้องรับผิดทางอาญาเป็นส่วนตัว ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าแม้การโอนทรัพย์สินรายนี้จำเลยจะกระทำไปตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นในฐานะที่จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทแสตนดาร์ดออยล์ประเทศไทย จำกัด อันถือได้ว่าเป็นการกระทำแทนบริษัทซึ่งเป็นนิติบุคคลและบริษัทนิติบุคคลนั้นควรจะต้องมีความผิดก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยรู้อยู่แล้วว่าบริษัทแสตนดาร์ดออยล์ประเทศไทย จำกัด เป็นลูกหนี้โจทก์และยังไม่ได้ชำระหนี้แก่โจทก์ ดังจะเห็นได้จากสัญญาประนีประนอมยอมความเอกสารหมาย จ.๓ ที่บริษัทแสตนดาร์ดออยล์ประเทศไทย จำกัด ทำไว้กับโจทก์โดยยอมชำระหนี้ให้แก่โจทก์นั้น จำเลยเป็นผู้ลงชื่อในสัญญาดังกล่าวด้วย การโอนทรัพย์สินตามฟ้องให้แก่บริษัทเอเชี่ยนลูบริเคท จำกัดซึ่งแม้บริษัทนี้จะเป็นเจ้าหนี้บริษัทแสตนดาร์ดออยล์ประเทศไทย จำกัดก็ตามก็ย่อมทำให้โจทก์เสียหาย เพราะอาจไม่ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนถือได้ว่าเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ เมื่อจำเลยรู้อยู่แล้วว่าบริษัทแสตนดาร์ดออยล์ประเทศไทย จำกัด เป็นลูกหนี้โจทก์ จำเลยยังโอนทรัพย์สินของบริษัทดังกล่าวให้แก่บริษัทเอเชี่ยนลูบริเคท จำกัด ย่อมถือได้ว่า จำเลยรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดรายนี้ จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดฐานเป็นตัวการด้วย ข้ออ้างของจำเลยที่ว่าไม่มีเจตนาทุจริตรับฟังไม่ได้ แต่ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน การโอนทรัพย์สินตามฟ้องจำเลยกระทำไปตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นในฐานะเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท และผู้รับโอนก็เป็นเจ้าหนี้อยู่ด้วยมีเหตุอันควรปรานี สมควรรอการลงโทษเพื่อให้โอกาสจำเลยได้ประพฤติตัวเป็นพลเมืองดีต่อไป
พิพากษาแก้เฉพาะโทษให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด ๑ ปี และปรับ ๓,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี หากไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ นอกจากที่แก้ให้เป็นตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์