คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2271/2537

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นออกข้อกำหนดมิให้โจทก์ลุกขึ้นแถลงการณ์ใด ๆ ใน ขณะที่ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาอยู่ อันจะเป็นการขัดขวางทำให้กระบวนพิจารณาไม่อาจดำเนินไปได้โดยรวดเร็ว เหตุที่ออกข้อกำหนดเพราะโจทก์ได้กระทำหลายครั้งแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นออกข้อกำหนดดังกล่าว โจทก์ก็ยังลุกขึ้น แถลงโดยศาลมิได้อนุญาต และขอให้ศาลบันทึกในรายงาน กระบวนพิจารณาอีกจึงเป็นการละเมิดอำนาจศาล

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองฐานละเมิดเรียกค่าเสียหาย หลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จและในวันที่24 ธันวาคม 2535 ซึ่งเป็นวันสืบพยานจำเลยที่ 1 โจทก์ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาได้ยื่นคำแถลงอ้างว่าคำเบิกความของโจทก์เมื่อวันที่28 ตุลาคม 2534 มีการตัดเติมข้อความโดยไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำ และลายมือชื่อในคำเบิกความดังกล่าวก็ไม่ใช่ลายมือชื่อของโจทก์ ขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นได้สอบถามคู่ความทุกฝ่ายและบันทึกรายงานกระบวนพิจารณา โจทก์ยืนขึ้นแถลงคัดค้านศาลชั้นต้นพิเคราะห์พฤติการณ์ของโจทก์ในขณะนั่งพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการรบกวนขัดขวางให้การดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นไปโดยเรียบร้อยและชอบด้วยกฎหมาย จึงออกข้อกำหนดห้ามมิให้โจทก์ลุกขึ้นแถลงการณ์ใด ๆ ในขณะที่ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาอยู่ และศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคำเบิกความของโจทก์ตามที่อ้างมาไม่ได้มีการตัดเติมจึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอีก หลังจากนั้นโจทก์ได้ยื่นคำแถลงในลักษณะเดียวกันซ้ำอีก 2 ครั้งและขอให้ศาลชั้นต้นส่งลายมือชื่อของโจทก์ในคำเบิกความให้กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ ตรวจพิสูจน์ว่าลายมือชื่อโจทก์ในคำเบิกความที่โจทก์อ้างมาปลอมหรือไม่ ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นการยื่นคำแถลงซ้ำจึงไม่ดำเนินการให้ และเห็นว่าโจทก์พยายามยื่นคำแถลงโดยอ้างว่าคำเบิกความของตนถูกตัดเติมแก้ไขและมีการปลอมแปลงลายมือชื่อโจทก์ทั้งที่ศาลชั้นต้นเคยมีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้วนั้น เป็นเรื่องที่โจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาไปในทางก่อความรำคาญและประวิงคดีให้ชักช้าจึงได้ออกข้อกำหนดห้ามไม่ให้โจทก์แถลงหรือยื่นคำคู่ความใด ๆ ต่อศาลโดยกล่าวอ้างว่าคำเบิกความของโจทก์ถูกตัดเติม หรือมีการปลอมลายมือชื่ออีกต่อไป หลังจากที่ศาลชั้นต้นออกข้อกำหนดดังกล่าวแล้วขณะที่ศาลชั้นต้นบันทึกรายงานกระบวนการพิจารณาโจทก์ลุกขึ้นแถลงต่อศาลว่า โจทก์จะพูดได้หรือยัง ซึ่งศาลชั้นต้นบอกว่ายังไม่อนุญาตโจทก์ได้บอกศาลชั้นต้นให้บันทึกไว้ในรายงานด้วย
ศาลชั้นต้นพิเคราะห์พฤติการณ์ของโจทก์ดังกล่าวแล้วเห็นว่าศาลได้ออกข้อกำหนดไว้แล้วว่าห้ามมิให้โจทก์ลุกขึ้นแถลงการณ์ใด ๆในขณะที่ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาอยู่ แต่โจทก์ยังฝ่าฝืนขึ้นแถลงศาล และเมื่อศาลยังไม่อนุญาต โจทก์กลับบอกว่าน่าจะให้ศาลบันทึกไว้ในรายงานตอนนี้อีก อันเป็นการโต้แย้งกับศาล โดยปรากฏด้วยว่าโจทก์เคยแสดงพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ต่อศาลในการพิจารณาคดีนัดอื่นมาก่อนแล้ว เห็นว่า การกระทำของโจทก์เป็นการจงใจฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ศาลออกไว้เพื่อรักษาความเรียบร้อยในบริเวณศาลและเพื่อให้กระบวนพิจารณาดำเนินการไปโดยเที่ยงธรรมและรวดเร็ว การกระทำของโจทก์เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 30 และ 31 ให้ลงโทษจำคุกโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 33 มีกำหนด 15 วัน
โจทก์อุทธรณ์ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลที่ให้จำคุกโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับโจทก์สถานเดียวเป็นเงิน 500 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในข้อที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์มิได้ยกเลิกข้อกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 30, 31และมาตรา 33 คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ทำให้โจทก์ไม่สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นต่อไปได้เพราะโจทก์ได้คัดค้านไว้แล้ว ขอให้ยกเลิกข้อกำหนดของศาลชั้นต้นเสียเห็นว่า โจทก์มิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ขึ้นมาในชั้นอุทธรณ์จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรกศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนปัญหาตามฎีกาของโจทก์ที่ว่า โจทก์ไม่ทราบว่าการกระทำของโจทก์เป็นการละเมิดอำนาจศาล ขอให้ยกเลิกการกำหนดโทษ เห็นว่า การที่ศาลออกข้อกำหนดก็เพื่อให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปตามความเที่ยงธรรมและรวดเร็ว ที่ศาลชั้นต้นออกข้อกำหนดมิให้โจทก์ลุกขึ้นแถลงการณ์ใด ๆ ในขณะที่ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาอยู่ อันจะเป็นการขัดขวางทำให้กระบวนพิจารณาไม่อาจดำเนินไปได้โดยรวดเร็ว เหตุที่ออกข้อกำหนดดังกล่าวเพราะโจทก์ได้กระทำหลายครั้งแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นออกข้อกำหนดดังกล่าวโจทก์มิได้นำพาต่อข้อกำหนดของศาลยังลุกขึ้นแถลงโดยศาลมิได้อนุญาต และขอให้ศาลบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาอีกโจทก์ย่อมทราบถึงการกระทำของตนดีว่า เป็นการขัดขวางทำให้กระบวนพิจารณาไม่อาจดำเนินไปได้โดยรวดเร็ว จะอ้างว่ากระทำไปโดยไม่รู้ว่ามีความผิดไม่ได้ กรณีไม่มีเหตุที่จะยกเลิกการกำหนดโทษที่ศาลอุทธรณ์วางโทษเพียงโทษปรับนั้นเหมาะสมกับพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว”
พิพากษายืน

Share