แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินร่วมกับผู้อื่น มีสิทธิจำนองเฉพาะส่วนของตนได้ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของร่วมคนอื่นๆ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า พ.สามีจำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 3986 อยู่รวมกับผู้มีชื่ออีก 2 คน พ.ได้จำนองที่ดินเฉพาะส่วนของ พ.ไว้แก่โจทก์เป็นต้นเงิน 8,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อปี ต่อมา พ.ตายลงจำเลยเป็นผู้รับมรดก โจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนอง จำเลยไม่ปฏิบัติการไถ่ถอน จำเลยให้การรับข้อเท็จจริงตามฟ้อง แต่ต่อสู้ว่าสัญญาจำนองไม่สมบูรณ์ เมื่อต่างแถลงไม่ติดใจสืบพยานแล้วจำเลยแถลงว่าไม่สมบูรณ์เพราะไม่ปรากฏตามฟ้องว่า ผู้มีกรรมสิทธิ์ในโฉนดได้ให้ความยินยอมด้วย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า สัญญาจำนองสมบูรณ์ตามกฎหมายพิพากษาให้จำเลยไถ่ถอนจำนองโดยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยแต่วันจำนองจนกว่าจะใช้เงินเสร็จ ถ้าชำระไม่ได้ให้ยึดที่ดินขายทอดตลาดเอาเงินชำระต้นเงินและดอกเบี้ยจนครบ
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยว่า สัญญาจำนองสมบูรณ์ตามกฎหมายแต่ไม่เห็นพ้องด้วยที่ศาลชั้นต้นบังคับไว้ตอนท้ายให้ยึดที่ดินขายทอดตลาดทั้งหมด พิพากษาแก้ว่าถ้าจำเลยชำระเงินไถ่ถอนจำนองไม่ได้ ให้บังคับจำนองแต่เฉพาะส่วนของ พ.ในที่ดินโฉนดที่ 3986 นอกนั้นยืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พ.สามีจำเลยไม่ได้ก่อให้เกิดภาระติดพันโดยจำนองตัวทรัพย์สินคือที่ดินโฉนดนั้นไว้แก่โจทก์ทั้งหมดจึงไม่อยู่ในบทบังคับ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361 วรรค 2 พ.จำนองเฉพาะส่วนของตน จึงต้องบังคับตามมาตรา 1361 วรรค 1 การจำนองรายนี้จึงสมบูรณ์ตามกฎหมายโดยไม่ต้องให้เจ้าของรวมคนอื่น ๆ ยินยอมด้วย
พิพากษายืน