คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์และบิดาจำเลยเป็นทายาทของเจ้ามฤดกตามมาตรา 1629(4)ลำดับเดียวกัน บิดาจำเลยยังมีชีวิตอยู่ ตัวจำเลยจึงหาใช่เป็นทายาทของเจ้ามฤดกไม่จึงไม่มีสิทธิอ้างอายุความมฤดก 1 ปียกขึ้นต่อสู้แก่โจทก์ผู้เป็นทายาทของเจ้ามฤดกตามมาตรา 1755 ได้
ในกรณีเช่นนี้จำเลยจะรับมฤดกเจ้ามฤดกแทนที่บิดาจำเลยได้แต่เมื่อบิดาได้ถึงแก่ความตายแล้ว หรือถูกจำกัดมิให้รับมฤดกมิฉะนั้นจะเข้ามารับมฤดกแทนที่บิดาไม่ได้

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องขอแบ่งมฤดกนางจ้อยผู้เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับโจทก์และนายทองจำเลย เมื่อนายทองให้การแล้วโจทก์จึงขอเรียกจำเลยที่ ๒-๓ เข้ามาเป็นจำเลยด้วย ในวันนี้สองสถานคู่ความตกลงกับให้ศาลวินิจฉัยฉะเพาะที่ดินหมายเลข ๑ ซึ่งเถียงสิทธิกันระหว่างโจทก์กับนายทำจำเลยที่ ๒ เท่านั้น โดยโจทก์รับว่าตั้งแต่นางจ้อยตาย ๓-๔ ปีมานี้ โจทก์มิได้ปกครองที่ดินรายนี้ แต่ถือว่าโจทก์ยังมีสิทธิได้รับมฤดกอยู่ตามกฎหมาย
จำเลยที่ ๒ รับว่าที่ดินพิพาทจำเลยได้ครอบครองมาโดยมิได้แก้ทะเบียนโฉนด ๆ ยังคงมีชื่อนางจ้อยเป็นเจ้าของอยู่
โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๒ เป็นบุตรนายทองจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ จึงไม่ใช่ทายาทที่จะรับมฤดกนางจ้อย พิพากษาให้ที่พิพาทได้แก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าทายาทโดยธรรมนั้นอย่างหนึ่ง บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๖๒๙ แต่ผู้รับมฤดกแทนกันนั้น บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๖๓๙
ในคดีนี้โจทก์และนายทองจำเลยที่ ๑ เป็นทายาทของนางจ้อยตามมาตรา ๑๖๒๙(๔) ลำดับเดียวกัน แต่จำเลยที่ ๒ เป็นบุตรนายทองซึ่งเป็นผู้สืบสันดานของนายทอง หาเป็นทายาทของนางจ้อยไม่ และไม่ใช่เป็นผู้รับมฤดกแทนที่เพราะเหตุว่า
(๑) จำเลยที่ ๒ ไม่ใช่เป็นผู้สืบสันดานของนายจ้อยเจ้ามฤดกแต่เป็นผู้สืบสันดานของนายทองต่างหาก
(๒) นายทองมีชีวิตอยู่ และมิได้ถูกจำกัดมิให้รับมฤดก จำเลยที่ ๒จะเข้ามารับมฤดก นางจ้อยแทนที่นายทองไม่ได้
ฉะนั้นเมื่อจำเลยที่ ๒ ไม่ใช่ทายาทนางจ้อยก็ไม่มีสิทธิจะอ้างอายุความมฤดก ๑ ปีต่อสู้กับโจทก์ผู้เป็นทายาทได้ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share