คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2268/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยทำสัญญาจ้างว่าความโดยมีข้อสัญญาว่า จำเลยจะ ต้องทำหน้าที่ทนายความแก้ต่างจนทำให้ ส. พ้นโทษมิฉะนั้นจำเลย จะต้องคืนเช็คให้แก่โจทก์เมื่อศาลสั่งจำหน่ายคดีเพราะ ส. ถึงแก่ความ ตายไม่ใช่เพราะการแก้ต่างของจำเลยจำเลยจึงต้องคืนเช็คให้โจทก์ จำเลยโอนเช็คให้บุคคลภายนอกเป็นเหตุให้โจทก์ถูกฟ้องและศาลพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยให้ ใช้เงินได้ โดยมีอายุความ 10 ปี

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 122,610 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ทางพิจารณาฟังข้อเท็จจริงได้จากพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายว่า นายสมชัยหรือแดง ศิริพัฒน์ หลานของภริยาโจทก์ถูกฟ้องในข้อหาว่าฆ่าผู้อื่น ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 5390/2513ของศาลชั้นต้น ครั้งแรกโจทก์จ้างนายสมรรค ศิริจันทร์เป็นทนายแก้ต่างให้นายสมชัยหรือแดง ต่อมาโจทก์จ้างจำเลยเป็นทนายแก้ต่างให้นายสมชัยหรือแดงอีก โจทก์จำเลยทำหนังสือจ้างว่าความตามเอกสารหมาย ล.1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 5390/2513 มีข้อความว่า โจทก์ตกลงว่าจ้างจำเลยดำเนินการต่อสู้คดีให้นายสมชัยหรือแดง ตามคดีอาญาดังกล่าว และตกลงจ่ายค่าดำเนินคดีในศาลเป็นเงิน 80,000 บาท โดยจ่ายเป็นเช็คธนาคารศรีนครจำกัด สาขาคลองตัน หมายเลข BL/18 026825 หากนายสมชัยหรือแดงต้องคำพิพากษา จำเลยยอมคืนเช็คฉบับดังกล่าวให้โจทก์ทันที จำเลยได้ทำหน้าที่ถามค้านพยานโจทก์ในคดีดังกล่าว 5 ปากตามประเด็นและฟังประเด็นกลับรวม 2 ครั้ง วันที่ 24 สิงหาคม 2514 ศาลอาญามีคำสั่งจำหน่ายคดีเพราะนายสมชัยหรือแดงถึงแก่ความตาย ในวันนั้นเองจำเลยได้สลักหลังเช็คฉบับดังกล่าวให้นางบุรีรัตน์ ชลวิจารณ์ วันที่ 25 สิงหาคม 2514 นางบุรีรัตน์นำเช็คฉบับนั้นเข้าบัญชีของตนเพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน นางบุรีรัตน์ได้ฟ้องโจทก์และจำเลยให้ชำระเงินตามเช็ค ผลที่สุดศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์และจำเลยรับผิดชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมดังปรากฏตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 6446/2516 ของศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้โจทก์และจำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้นางบุรีรัตน์แล้ว

พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมนั้นเห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องไว้ว่าโจทก์ทำสัญญาว่าจ้างจำเลยเป็นทนายแก้ต่างให้นายแดงหรือสมชัย และออกเช็คให้จำเลยไว้ โดยมีข้อตกลงกันว่า ถ้าศาลพิพากษาลงโทษนายแดงหรือสมชัย หรือสั่งเป็นประการอื่น จำเลยต้องคืนเช็คให้โจทก์ ต่อมานายแดงหรือสมชัยถึงแก่ความตาย ศาลสั่งจำหน่ายคดีจำเลยมีหน้าที่ต้องคืนเช็คให้โจทก์ แต่ไม่คืนให้ และกลับนำเช็คฉบับดังกล่าวไปโอนให้แก่นางบุรีรัตน์ ทำให้โจทก์เสียหาย ต้องถูกศาลพิพากษาให้ชำระเงินแก่นางบุรีรัตน์ ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับนั้นเห็นว่าฟ้องโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

ที่จำเลยฎีกาว่า คดีขาดอายุความนั้น เห็นว่ามูลคดีเป็นเรื่องของโจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาไม่คืนเช็คให้ จึงมีอายุทั่วไปสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

ส่วนฎีกาจำเลยที่ว่า ตามสัญญามีข้อตกลงให้นำเช็คไปแลกเงินได้โจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญา จึงไม่มีสิทธิฟ้องนั้น จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีไว้จึงไม่มีประเด็น

สำหรับฎีกาจำเลยที่ว่า จำเลยจะต้องคืนเช็คให้แก่โจทก์หรือไม่นั้นเห็นว่าตามหนังสือสัญญาจ้างว่าความตามเอกสารหมาย ล.1 ดังกล่าวข้างต้นมีข้อตกลงกันว่า หากนายสมชัยหรือแดงต้องคำพิพากษา จำเลยจะคืนเช็คฉบับที่ระบุไว้ในสัญญาให้โจทก์ เป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยมีข้อสัญญากันไว้ว่าจำเลยจะต้องทำหน้าที่ทนายความแก้ต่างจนทำให้นายสมชัยหรือแดงพ้นโทษ มิฉะนั้นจำเลยจะต้องคืนเช็คให้แก่โจทก์ การที่ศาลอาญาสั่งจำหน่ายคดีเพราะนายสมชัยหรือแดงถึงแก่ความตายไม่ใช่เพราะการแก้ต่างของจำเลย จำเลยต้องคืนเช็คให้โจทก์ จำเลยโอนเช็คไปให้นางบุรีรัตน์จนเป็นเหตุให้โจทก์ถูกฟ้อง และศาลพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินให้นางบุรีรัตน์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยได้”

พิพากษายืน

Share