แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นคนกลางติดต่อไถ่รถจักรยานยนต์ร่วมกับผู้อื่นตามที่ผู้เสียหายกับพวกขอร้อง แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับรถจักรยานยนต์ไว้จากคนร้ายหรือร่วมรู้กับคนร้ายมาเรียกค่าไถ่จากผู้เสียหาย การที่จำเลยขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายมาส่งให้แก่ผู้เสียหาย เป็นเรื่องนำมาคืนตามที่ผู้เสียหายกับพวกขอร้องให้ทำ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานรับของโจร.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙, ๓๔๐ ตรี, ๓๕๗, ๘๓
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗ วรรคสอง จำคุก ๒ ปี ส่วนจำเลยอื่นให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๖ เวลาประมาณเที่ยงวัน นายถาวรผู้เสียหายขี่รถจักรยานยนต์ ๑ คัน ราคา๒๖,๐๐๐ บาท รับจ้างโดยให้ชายคนหนึ่งกับหญิงคนหนึ่งนั่งซ้อนท้ายจากสถานีรถไฟชะอวดไปส่งที่บ้านทุ่งค่ายเมื่อผู้เสียหายขี่จักรยานยนต์ไปได้ประมาณ ๗ กิโลเมตรก็ถูกชายที่นั่งซ้อนท้ายมาใช้อาวุธปืนจี้ชิงเอารถจักรยานยนต์ไป ผู้เสียหายไปขอให้นายนุกูลผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านช่วยติดตามเอารถคืน นายนุกูลไปกับจำเลยที่ ๒ แล้วกลับมาบอกว่า คนร้ายจะเอาค่าไถ่ผู้เสียหายมอบให้นายนุกูลติดต่อเพื่อไถ่รถคืน ในที่สุดผู้เสียหายเสียค่าไถ่ ๓,๐๐๐ บาทแล้วในคืนนั้นจำเลยที่ ๒ ก็ขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่ถูกชิงไปมาคืนแก่ผู้เสียหายฟังได้ว่าจำเลยที่ ๒ เป็นคนกลางติดต่อไถ่รถร่วมกับผู้อื่นซึ่งผู้เสียหายกับพวกได้ขอร้องให้ทำ แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๒ ได้รับรถไว้จากคนร้ายหรือร่วมรู้กับคนร้ายมาเรียกค่าไถ่จากผู้เสียหาย การที่จำเลยที่ ๒ ขี่รถของผู้เสียหายมาส่งให้แก่ผู้เสียหาย เป็นเรื่องนำมาคืนตามที่ผู้เสียหายกับพวกได้ขอร้องให้ทำ การกระทำของจำเลยที่ ๒ จึงไม่เป็นความผิดฐานรับของโจร
พิพากษายืน.