คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2265/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองเข้าอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิการเช่าจากโจทก์เพื่อทำนาแล้วปลูกสร้างโรงเรือนลงในที่ดินนั้นเช่นนี้จะอ้างว่าเป็นการปลูกสร้างโดยสุจริตและบังคับให้โจทก์รับเอาสิ่งปลูกสร้างในที่ดินและใช้ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นไม่ได้กรณีไม่ต้องด้วยป.พ.พ.มาตรา1310.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าได้ให้จำเลยทั้งสองเช่าที่ดินพิพาทเพื่อใช้ทำนามีกำหนด 6 ปี ต่อมาโจทก์พบว่าจำเลยทั้งสองและบริวารช่วยกันปลูกบ้านสองชั้นลงในที่ดินดังกล่าวโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนและขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินแล้ว จำเลยเพิกเฉย ขอบังคับให้จำเลยรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างของจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ ห้ามจำเลยกับบริวารปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ลงในที่ดินของโจทก์ต่อไปอีก เว้นแต่การทำนาจนครบหกปี ตามสัญญาเช่า
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยได้เช่าที่ดินจากโจทก์ ต่อมาโจทก์ได้ขายที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยแล้วแต่ยังมิได้จดทะเบียนโจทก์ได้ส่งมอบที่ดินพิพาทให้จำเลยครอบครองอย่างเป็นเจ้าของตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การที่จำเลยปลูกสร้างอสังหาริมทรัพย์ลงในที่ดินของโจทก์ทำให้ที่ดินของโจทก์มีราคาสูงขึ้นขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแก่จำเลยหากการโอนไม่อาจกระทำได้ก็ขอให้ชดใช้ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้น
โจทก์ให้การฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่เคยขายที่ดินพิพาทให้จำเลยขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนเรือนและรั้วที่ปลูกสร้างลงในที่ดินพิพาทของโจทก์ และทำที่ดินพิพาทให้อยู่ในสภาพเดิมหากจำเลยฝ่าฝืนก็ให้จ้างผู้อื่นทำ โดยให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 5,000 บาท ยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองมีว่า โจทก์ได้ขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยทั้งสอง และจำเลยทั้งสองสร้างโรงเรือนในที่ดินดังกล่าวโดยสุจริตหรือไม่ ฯลฯ ปรากฏว่าในปี พ.ศ. 2521 จำเลยทั้งสองยังเช่าที่ดินโฉนดเลขที่ 1538 ของโจทก์ทั้งแปลงทำนาอยู่ ไม่มีการบันทึกหรือทำหลักฐานว่าได้ตกลงขายที่ดินพิพาทกันไว้เลย ตามคำจำเลยที่ 2 ก็ได้ความว่าโจทก์มาเก็บค่าเช่าทุกปี และจำเลยทั้งสองได้ชำระค่าเช่าให้โจทก์ทั้งในส่วนที่เช่าและในส่วนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการซื้อขายด้วย เช่นนี้จำเลยจะอ้างว่าโจทก์ขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยทั้งสองได้อย่างไร เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่ได้ขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองจึงอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิการเช่าเพื่อทำนา จำเลยทั้งสองปลูกสร้างโรงเรือนในที่ดินนั้น จะอ้างว่าปลูกสร้างโดยสุจริตและบังคับให้โจทก์รับเอาสิ่งปลูกสร้างในที่ดินและใช้ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1310 ตามที่จำเลยำีกา ฯลฯ
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ”.

Share