คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2265/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลการลงโทษผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยฯ อันเป็นข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ว่าด้วยวินัยและโทษทางวินัยซึ่งจำเลยผู้เป็นนายจ้างต้องจัดให้มีตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน กำหนดไว้ว่า กรณีลูกจ้างขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาไม่ไปปฏิบัติงานและขาดงานมีโทษให้ไล่ออกจากงาน ข้อนี้มิได้ระบุว่าต้องขาดงานกี่วันจึงจะมีความผิด ดังนั้น หากโจทก์ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาไม่ไปปฏิบัติงานและขาดงานแม้เพียง1 วัน ก็มีความผิดและถูกลงโทษให้ออกจากงานได้กรณีนี้เป็นเรื่องที่นายจ้างเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยในกรณีที่ลูกจ้างฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานฯ ตามข้อ 47(3) แห่งประกาศดังกล่าว มิใช่เป็นเรื่องนายจ้างเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 3 วันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรตามข้อ 47(4)ฉะนั้น ประมวลการลงโทษฯ จึงหาได้ขัดต่อกฎหมายคุ้มครองแรงงานที่กำหนดว่าลูกจ้างต้องขาดงานติดต่อกัน 3 วันไม่
โจทก์เคยถูกลงโทษภาคทัณฑ์และตัดเงินเดือนมาแล้ว 3 ครั้งฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาที่สั่งโดยชอบ ซึ่งตามคำสั่งลงโทษมีข้อความอันถือได้ว่าได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้วเมื่อโจทก์มากระทำผิดฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาที่สั่งโดยชอบอีก และได้เคยตักเตือนเป็นหนังสือมาแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิให้โจทก์ออกจากงานอันเป็นการเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยได้ กรณีหาใช่วินิจฉัยนอกประเด็นหรือนำความผิดที่ลงโทษเสร็จสิ้นไปแล้วมาลงโทษอีกไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำ ตำแหน่งช่างเครื่อง ต่อมาจำเลยมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์ โดยอ้างว่าขัดคำสั่งไม่ปฏิบัติงานและขาดงานรวม 10 วันซึ่งไม่เป็นความจริง จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิม และจ่ายค่าเสียหายนับแต่วันเลิกจ้างถึงวันรับโจทก์กลับเข้าทำงาน หรือให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์เคยกระทำผิดวินัยฐานละทิ้งหน้าที่ รายงานเท็จลาป่วยผิดระเบียบและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาที่สั่งโดยชอบจนถูกลงโทษภาคทัณฑ์และตัดเงินเดือนมาแล้วหลายครั้ง ต่อมาผู้บังคับบัญชาสั่งให้โจทก์ไปปฏิบัติงานที่อื่น กับสั่งให้โจทก์ลงชื่อในสมุดลงนามพนักงานปรากฏว่าโจทก์ไม่ยอมลงชื่อ ไม่ปฏิบัติงานให้ครบตามกำหนดเวลารวม 8 วันและขาดงานรวม 12 วัน อันเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาที่สั่งโดยชอบ ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย โจทก์ถูกตั้งกรรมการสอบสวนคณะกรรมการรายงานว่าโจทก์กระทำผิดวินัยฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาและขาดงานจริง โจทก์จึงถูกลงโทษออกตามประมวลการลงโทษผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยฯ การที่โจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายนั้น จำเลยก็ได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว และโจทก์ขาดงาน 3 วันติดต่อกัน จำเลยจึงไม่จ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ประมวลการลงโทษผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยฯ เป็นข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ว่าด้วยวินัยและโทษทางวินัยซึ่งจำเลยผู้เป็นนายจ้างต้องจัดให้มีตามข้อ 68(6) แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ตามประมวลการลงโทษฯ ข้อ 2.43 กำหนดไว้ว่า กรณีลูกจ้างขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาไม่ไปปฏิบัติงานและขาดงาน มีโทษให้ออกจากงาน ข้อบังคับมิได้ระบุว่าต้องขาดงานกี่วันจึงจะมีความผิด ดังนั้น หากโจทก์ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาไม่ไปปฏิบัติงานและขาดงานแม้เพียง 1 วัน ก็มีความผิดและถูกลงโทษให้ออกจากงานได้ ที่โจทก์อ้างว่าลูกจ้างต้องขาดงานติดต่อกัน 3 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร จึงจะมีโทษให้ออกได้นั้นเป็นเรื่องที่นายจ้างเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 3 วันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรตามข้อ 47(4) แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ แต่กรณีนี้เป็นเรื่องที่นายจ้างเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยในกรณีที่ลูกจ้างฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง ฯลฯ ตามข้อ 47(3) แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ ฉะนั้น ประมวลการลงโทษฯ ข้อ 2.43 จึงหาได้ขัดต่อกฎหมายคุ้มครองแรงงานไม่

โจทก์เคยถูกลงโทษภาคทัณฑ์และตัดเงินเดือนมาแล้ว 3 ครั้ง ฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาที่สั่งโดยชอบ ซึ่งตามคำสั่งลงโทษมีข้อความอันถือว่าได้ตักเตือนเป็นหนังสือมาแล้ว เมื่อโจทก์มากระทำผิดฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาที่สั่งโดยชอบอีก และได้ตักเตือนเป็นหนังสือมาแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิให้โจทก์ออกจากงานอันเป็นการเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยได้ กรณีหาใช่วินิจฉัยนอกประเด็นหรือนำความผิดที่ลงโทษเสร็จสิ้นไปแล้วมาลงโทษอีกไม่

พิพากษายืน

Share