แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
สัญญาระบุให้ผู้ซื้อที่ดินชำระราคาเป็นงวด และมีเงื่อนไขกำหนดให้ผู้ขายโอนทรัพย์พิพาทให้แก่ผู้ซื้อในวันที่ผู้ขายได้รับเงินงวดสุดท้ายครบถ้วนแล้ว เมื่อผู้ซื้อยังชำระราคาไม่ครบถ้วนตามสัญญา สัญญาดังกล่าวจึงเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขายเท่านั้น การที่ผู้ขายส่งมอบการครอบครองทรัพย์พิพาท ซึ่งเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญให้แก่ผู้ซื้อในวันทำสัญญา เป็นเพียงการมอบให้ครอบครองไว้แทนเท่านั้น หาได้มอบการครอบครองให้โดยสิทธิขาด อันจะเป็นเหตุให้ผู้ซื้อได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในที่ดินนั้นไม่
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ 1 พิพากษาให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ 2 ผู้ร้องที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า ก่อนที่โจทก์จะนำยึดทรัพย์พิพาท เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2513 จำเลยที่ 1 ด้วยการเห็นชอบยินยอมของจำเลยอื่นได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายตามเอกสารหมาย บ.ร.1ขายทรัพย์พิพาทรวมทั้งที่ดินตามที่โจทก์นำยึดไว้ให้แก่ผู้ร้องที่ 2 ในราคา 775,000 บาท ในวันทำสัญญาผู้ร้องที่ 2 ได้ชำระราคาให้แก่จำเลยที่ 1 รับไปแล้วเป็นเงิน 100,000 บาท ส่วนที่เหลือผู้ร้องที่ 2 จะผ่อนชำระให้แก่จำเลยที่ 1 เป็นงวด ๆ ละ 50,000 บาท ภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน ยกเว้นงวดสุดท้ายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2514 ผู้ร้องจะชำระให้แก่จำเลยที่ 1 เป็นจำนวนเงิน25,000 บาท ในวันทำสัญญาจำเลยที่ 1 ได้มอบทรัพย์พิพาทให้ผู้ร้องที่ 2 เป็นผู้ครอบครองโดยมีข้อตกลงจะโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ร้องที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 1 ได้รับชำระราคาครบถ้วนตามสัญญาซื้อขายนั้นแล้ว ต่อมาขณะที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์พิพาทรายนี้ ปรากฏว่าผู้ร้องที่ 2 ยังชำระราคาไม่ครบถ้วนตามสัญญา คดีจึงมีปัญหาให้ศาลฎีกาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องที่ 2 ว่า สัญญาซื้อขายฉบับนี้เป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด หรือเป็นแต่เพียงสัญญาจะซื้อขายตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ และผู้ร้องที่ 2 ซึ่งใช้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ในขณะนี้ได้สิทธิครอบครองแล้วหรือไม่
ปัญหาข้อแรกที่ว่า สัญญาซื้อขายเป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดหรือเป็นแต่เพียงสัญญาจะซื้อจะขายนั้น ศาลฎีกาได้ตรวจพิจารณาเอกสารสัญญาซื้อขายป.ร.1 ที่คู่ความรับกันแล้ว นอกจากในสัญญาข้อ 2 จะระบุให้ผู้ร้องที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ซื้อชำระราคาทรัพย์พิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 ผู้ขายเป็นงวด ๆ งวดละเดือนรวม 12 งวดจนกว่าจะชำระครบถ้วนตามสัญญาแล้วในสัญญาข้อ 4 ยังได้มีเงื่อนไขกำหนดให้ผู้ขายโอนทรัพย์พิพาทตามสัญญาซื้อขายนี้ให้แก่ผู้ซื้อในวันที่ผู้ขายได้รับเงินงวดสุดท้ายครบถ้วนแล้ว แต่ข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องที่ 2 และโจทก์จำเลยนำสืบรับกันว่า ขณะนี้ผู้ร้องยังชำระราคาทรัพย์ที่ซื้อให้แก่จำเลยที่ 1 ไม่ครบถ้วนตามสัญญา ดังนี้ ศาลฎีกาจึงเห็นว่า ข้อตกลงตามสัญญาเอกสารหมาย ป.ร.1 ดังกล่าวเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขายเท่านั้น ส่วนการที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบการครอบครองทรัพย์พิพาทซึ่งได้แก่ที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญกับโรงโม่หินพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้ร้องที่ 2 ไปแล้วในวันทำสัญญาหมาย ป.ร.1 ก็เป็นแต่เพียงการมอบการครอบครองให้ผู้ร้องที่ 2 ครอบครองไว้แทนจำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครองในที่ดินนั้นเท่านั้น หาได้ส่งมอบการครอบครองให้แก่ผู้ร้องที่ 2 โดยสิทธิขาดอันเป็นเหตุให้ผู้ร้องที่ 2 ได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในที่ดินนั้นไม่ ทั้งนี้เพราะในสัญญาข้อ 4 ได้ระบุเงื่อนไขไว้ว่า จำเลยที่ 1 จะทำการโอนให้แก่ผู้ร้องที่ 2 ผู้ซื้อในวันที่ผู้ขายได้รับเงินงวดสุดท้ายครบถ้วนแล้ว แต่กรณีในคดีนี้จำเลยที่ 1 ยังไม่ได้รับชำระหนี้ราคาทรัพย์ครบถ้วนตามสัญญาและยังไม่ได้จดทะเบียนนิติกรรมโอนทรัพย์พิพาทให้แก่ผู้ร้องที่ 2 ทรัพย์พิพาททั้งหมดจึงยังเป็นของจำเลยอยู่ โจทก์มีสิทธิจะนำเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาได้ฎีกาของผู้ร้องที่ 2 ที่อ้างว่าได้มาซึ่งสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท จึงรับฟังไม่ได้เช่นกัน”
พิพากษายืน