คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2258/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องโจทก์คดีนี้ที่ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา273และ275ระบุว่าจำเลยกระทำผิดเมื่อระหว่างวันที่1มกราคม2531ถึงวันที่28กรกฎาคม2531วันเวลาใดไม่ปรากฎชัดส่วนในคำฟ้องคดีเดิมโจทก์ฟ้องระบุว่าจำเลยกระทำผิดทั้งสองกรรมดังกล่าวเมื่อวันที่19มกราคม2531ดังนี้เวลากระทำผิดตามฟ้องคดีนี้กับคดีเดิมจึงเป็นเวลาเดียวกันเพราะวันที่จำเลยกระทำผิดคดีนี้อาจเป็นวันที่19มกราคม2531เวลากลางวันดังที่ระบุไว้ในคำฟ้องคดีเดิมก็ได้เมื่อการกระทำของจำเลยในความผิด2กรรมทั้งสองคดีดังกล่าวเป็นการร่วมกันปลอมเครื่องหมายการค้าของบริษัทผู้เสียหายรายเดียวกันซึ่งใช้กับสินค้าเหมือนกันและจำหน่ายหรือเสนอจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมดังกล่าวเช่นเดียวกันทั้งคำฟ้องคดีเดิมและคดีนี้โจทก์ก็ระบุว่าจำเลยกระทำความผิดในเวลาและสถานที่เดียวกันเป็นการกระทำความผิดในเรื่องเดียวกันการกระทำของจำเลยทั้งสองในแต่ละกรรมทั้งสองคดีจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาเดียวกันความผิดที่โจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้ในแต่ละกรรมย่อมเป็นความผิดกรรมเดียวกันกับความผิด2กรรมที่โจทก์ได้ฟ้องจำเลยในคดีเดิมและเมื่อคดีอาญาเดิมดังกล่าวศาลได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานที่โจทก์ร่วมนำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยปลอมเครื่องหมายการค้าดอกทานตะวันของบริษัทเดียวกันกับที่จำเลยถูกฟ้องคดีนี้และเสนอจำหน่ายสินค้าใบชากลิ่นมะลิตราดอกทานตะวันโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมจำเลยไม่มีความผิดตามที่โจทก์ฟ้องพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุดดังนั้นเมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วจึงนำคดีนี้ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียวกันกับความผิดที่ได้ฟ้องจำเลยในคดีก่อนมาฟ้องจำเลยทั้งสองนี้อีกหาได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(4) สำหรับความผิดฐานขายของโดยหลอกลวงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา271ที่โจทก์กล่าวหาจำเลยนั้นเมื่อไม่ได้ความว่าจำเลยได้ขายสินค้าพิพาทให้แก่โจทก์ร่วมโดยหลอกลวงอย่างไรบ้างหากแต่โจทก์ร่วมไปซื้อสินค้าพิพาทจากบุคคลอื่นที่วางขายในห้างสรรพสินค้าเองจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดในข้อหาดังกล่าวกรณีไม่จำต้องวินิจฉัยว่าข้อหานี้เป็นฟ้องซ้ำกับข้อหาในคดีอาญาเรื่องเดิมหรือไม่เพราะแม้จะวินิจฉัยให้ผลแห่งคดีก็ไม่เปลี่ยนแปลง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2531 ถึงวันที่28 กรกฎาคม 2531 วันเวลาใดไม่ปรากฎชัด จำเลยทั้งสองได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมเครื่องหมายการค้าใบชากลิ่นมะลิ ตราดอกทานตะวันหมายเลข 1046 ของบริษัทไชน่า เนชั่นแนลเนทีปโปรดิวส์แอนด์แอนนิมอลบายโปรดักซ์ อิมปอร์ตแอนด์เอ็กซ์ปอร์ต คอร์เปอร์ชั่นจำกัด มณฑลฟูเจี้ยน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งได้จดทะเบียนแล้วในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยร่วมกันปลอมทั้งเครื่องหมายการค้าตราดอกทานตะวันหมายเลข 1046 และลวดลายบนกล่องบรรจุกระดาษสีเหลืองแถบแดงแล้วจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันจำหน่าย หรือเสนอจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมหรือเป็นสินค้าที่มีชื่อ รูปรอยประดิษฐ์ในการประกอบการค้าของผู้อื่น หรือทำให้ปรากฎที่สินค้าวัตถุที่ใช้หุ้มห่อให้แก่บุคคลทั่วไป ห้างสรรพสินค้าพาต้าปิ่นเกล้า และนายบุ้นจิ้ง แซ่ตั้งเพื่อให้ประชาชนเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่น และจำเลยทั้งสองได้กระทำโดยหลอกลวงด้วยประการใด ๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิดสภาพ หรือคุณภาพแห่งสินค้านั้นอันเป็นเท็จเหตุเกิดที่แขวงบางยี่ขัน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานครพนักงานสอบสวนได้ยึดใบชากลิ่นมะลิจำนวน 1 กล่อง ที่จำเลยทั้งสองใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271, 273, 275, 91 และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฎิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายบุ้นจิ้ง แซ่ตั้ง ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เข้าร่วมเป็นโจทก์เฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องว่าความผิดที่จำเลยทั้งสองถูกฟ้องคดีนี้กับที่พนักงานอัยการสำนักงานอัยการสูงสุดได้ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นจำเลยต่อศาลแขวงดุสิต และศาลแขวงดุสิตมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7950/2538 เป็นอย่างเดียวกัน โจทก์จะฟ้องจำเลยทั้งสองคดีนี้อีกไม่ได้
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 273 และ 275 ที่จำเลยทั้งสองถูกฟ้องต่อศาลชั้นต้นเป็นเรื่องเดียวกันกับเรื่องที่จำเลยทั้งสองถูกฟ้องที่ศาลแขวงดุสิต และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 ที่จำเลยทั้งสองถูกฟ้องเข้ามาด้วยก็เป็นการกระทำกรรมเดียวกันกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 275 เมื่อศาลแขวงดุสิตมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (4) พิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์ โดยอัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2533พนักงานอัยการกองคดีศาลแขวงดุสิตได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลแขวงดุสิตเป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ 17639/2533กล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2531 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 273 และ275 โดยตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมเครื่องหมายการค้าใบชากลิ่นมะลิตราดอกทานตะวัน ของบริษัทเดียวกันกับที่จำเลยทั้งสองถูกฟ้องคดีนี้ และร่วมกันเสนอจำหน่ายสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าปลอมดังกล่าวแก่ร้านค้าต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร เพื่อจำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไป ศาลแขวงดุสิตพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2538ตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7950/2538
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองในคดีนี้เป็นกรรมเดียวกับการกระทำในคดีที่จำเลยทั้งสองถูกฟ้องในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7950/2538ของศาลแขวงดุสิต อันทำให้สิทธินำคดีนี้มาฟ้องของโจทก์ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4)หรือไม่ โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกาว่า ความผิดในคดีเดิมดังกล่าวกับคดีนี้เกิดต่างเวลาและต่างสถานที่ ลักษณะความผิดแตกต่างกันเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน จึงไม่ใช่ฟ้องเรื่องเดียวกันอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4)ดังที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้นั้นเห็นว่า สำหรับความผิดฐานร่วมกันปลอมเครื่องหมายการค้าตราดอกทานตะวันที่ใช้กับสินค้าใบชากลิ่นมะลิและร่วมกันจำหน่ายหรือเสนอจำหน่ายสินค้าใบชาที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมดังกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 273 และ 275 อันเป็นความผิดต่างกรรมกัน นั้นคำฟ้องโจทก์คดีนี้ระบุว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดเมื่อระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2531 ถึงวันที่ 28 กรกฎาคม 2531 วันเวลาใดไม่ปรากฎชัด ส่วนในคำฟ้องคดีเดิมตามคดีหมายเลขแดงที่ 7950/2538ของศาลแขวงดุสิต ระบุว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดทั้งสองกรรมดังกล่าว เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2531 เห็นได้ว่าเวลากระทำผิดตามฟ้องคดีนี้กับคดีเดิมเป็นเวลาเดียวกัน เพราะแม้คำฟ้องคดีนี้จะระบุว่าเวลากระทำผิดเป็นระหว่างวันที่ 1มกราคม 2531 ถึงวันที่ 28 กรกฎาคม 2531 แต่ก็ระบุว่าวันเวลาใดไม่ปรากฎชัด จึงอาจเป็นวันที่ 19 มกราคม 2531 เวลากลางวันดังที่ระบุไว้ในคำฟ้องคดีเดิมก็ได้ และการกระทำของจำเลยทั้งสองในความผิด 2 กรรมทั้งสองคดีดังกล่าวก็เป็นการร่วมกันปลอมเครื่องหมายการค้าตราดอกทานตะวันของบริษัทผู้เสียหายรายเดียวกัน ซึ่งใช้กับสินค้าใบชากลิ่นมะลิเหมือนกัน และร่วมกันจำหน่ายหรือเสนอจำหน่ายสินค้าใบชาที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมดังกล่าวเช่นเดียวกัน ทั้งปรากฎในคำฟ้องคดีเดิมว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันเสนอจำหน่ายสินค้าดังกล่าวต่อร้านค้าต่าง ๆ ทั่วไปในกรุงเทพมหานคร ซึ่งคำฟ้องคดีนี้โจทก์ก็ระบุว่าเกิดที่กรุงเทพมหานครเช่นเดียวกัน ดังนี้ ความผิด2 กรรม ที่โจทก์ทั้งสองคดีฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดได้เกิดขึ้นในเวลาและสถานที่เดียว ทั้งเป็นการกระทำความผิดในเรื่องเดียวกัน การกระทำของจำเลยทั้งสองในแต่ละกรรมกรรมทั้งสองคดีจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาเดียวกัน ความผิดที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองคดีนี้ในแต่ละกรรมย่อมเป็นความผิดกรรมเดียวกันกับความผิด 2 กรรมที่โจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีเดิม เมื่อคดีอาญาเดิมดังกล่าวศาลแขวงดุสิตได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานที่โจทก์และบริษัทเล่งหงษ์ อิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต (1975)จำกัด โจทก์ร่วมนำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมเครื่องหมายการค้าดอกทานตะวันของบริษัทเดียวกันกับที่จำเลยทั้งสองถูกฟ้องคดีนี้ร่วมกันเสนอจำหน่ายสินค้าใบชากลิ่นมะลิ ตราดอกทานตะวันโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมจำเลยทั้งสองไม่มีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง พิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุด ดังนั้น เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้ว โจทก์จึงนำคดีนี้ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียวกันกับความผิดที่ได้ฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีก่อนมาฟ้องจำเลยทั้งสองนี้อีกหาได้ไม่ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (4)
สำหรับความผิดฐานขายของโดยหลอกลวงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 ที่โจทก์กล่าวหาคดีนี้นั้น เห็นว่า คำเบิกความของโจทก์ร่วมไม่ได้ความว่าจำเลยทั้งสองได้ขายสินค้าพิพาทให้แก่โจทก์ร่วมโดยหลอกลวงอย่างไร บ้าง หากแต่โจทก์ร่วมไปซื้อสินค้าพิพาทจากบุคคลอื่นที่วางขายในห้างสรรพสินค้าเองจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดในข้อหาดังกล่าวดังนั้น กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยว่าข้อหานี้เป็นฟ้องซ้ำกับข้อหาในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7950/2538 ของศาลแขวงดุสิตหรือไม่ เพราะแม้จะวินิจฉัยให้ ผลแห่งคดีก็ไม่เปลี่ยนแปลง
พิพากษายืน

Share