คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2258/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี มุ่งหมายที่จะลงโทษให้หนักขึ้นเฉพาะผู้ที่มีหรือใช้อาวุธปืนเท่านั้น มิใช่ว่าผู้ที่ร่วมกระทำการปล้นทรัพย์รายเดียวกันจะต้องระวางโทษหนักทุกคน คนร้ายคนหนึ่งซึ่งเป็นพวกของจำเลยมีและใช้อาวุธปืนในการปล้นทรัพย์ จำเลยทั้งสองไม่ได้มีหรือใช้อาวุธปืนด้วย กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 340 ตรีเมื่อการปล้นทรัพย์ไม่สำเร็จ จำเลยทั้งสองคงมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์ตามมาตรา 340 วรรคสี่ ประกอบด้วยมาตรา 80

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289, 340, 340 ตรี, 83, 80 ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี, 83, 80ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสี่ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีคงมีปัญหาในชั้นนี้เฉพาะความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์ ซึ่งโจทก์ฎีกาโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองควรมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี ด้วย ดังนี้ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222บัญญัติให้ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวศาลอุทธรณ์ฟังเป็นยุติว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ จำเลยทั้งสองกับพวกอีก 1 คน ซึ่งมีปืนอาก้า 1 กระบอกเป็นอาวุธได้ทำการปล้นทรัพย์สร้อยคอทองคำของนายสราวุธ ทาระธรรม ผู้เสียหายแต่ไม่สำเร็จเนื่องจากผู้เสียหายได้แย่งเอาสร้อยคอทองคำคืนมาได้พร้อมกับวิ่งหนีและร้องตะโกนให้คนช่วยพวกของจำเลยจึงใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วจำเลยทั้งสองกับพวกก็พากันขึ้นรถยนต์ขับหลบหนีไป มีปัญหาว่า ข้อเท็จจริงที่ฟังได้เช่นนี้จะถือว่าจำเลยทั้งสองมีและใช้อาวุธปืน เป็นกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ตรี อันจะทำให้จำเลยทั้งสองต้องได้รับโทษหนักขึ้นอีกคนละกึ่งหนึ่งหรือไม่
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรีมุ่งหมายที่จะลงโทษให้หนักขึ้นเฉพาะผู้ที่มีหรือใช้อาวุธปืนเท่านั้นมิใช่ว่าผู้ที่ร่วมกระทำการปล้นทรัพย์รายเดียวกันจะต้องระวางโทษหนักขึ้นทุกคน คดีนี้ตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาคงปรากฏเพียงว่าคนร้ายคนหนึ่งซึ่งเป็นพวกของจำเลยมีและใช้อาวุธปืนในการปล้นทรัพย์ จำเลยทั้งสองไม่ได้มีหรือใช้อาวุธปืนด้วย กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 340 ตรี จำเลยทั้งสองคงมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์ตาม มาตรา 340 วรรคสี่ ประกอบด้วยมาตรา 80 เท่านั้นศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share