แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
บริษัท ฮ. จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาทไว้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ พ.ศ. 2501 แล้วได้โอนขายทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาทให้จำเลยที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2516 จำเลยที่ 1ใช้เครื่องหมายการค้าพิพาทมาก่อนโจทก์ แม้โจทก์จะไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นก่อน จำเลยที่ 1 ก็ฟ้องแย้งขอให้ศาลเพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่โจทก์ขอจดไว้ได้
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า “HARRIS” และได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวไว้แล้วตามทะเบียนเลขที่ 75517 จำเลยที่ 1 ได้ตั้งตัวแทนยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวสำหรับสินค้าจำพวก8 ตามคำขอเลขที่ 121850 แล้วแต่งตั้งจำเลยที่ 2 ดำเนินการต่อโจทก์คัดค้านคำขอดังกล่าว ต่อมาโจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวสำหรับใช้กับสินค้าของโจทก์ในจำพวก8 ตามคำขอเลขที่ 126353 นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าแจ้งโจทก์ว่าดำเนินการจดทะเบียนให้ไม่ได้ การกระทำของจำเลยทั้งสองทำให้โจทก์ ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า “HARRIS” ดีกว่าจำเลย และให้จำเลยทั้งสองถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าว ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย จำเลยทั้งสองสำนวนให้การและฟ้องแย้งว่า เครื่องหมายการค้าคำว่า”HARRIS” ไม่ใช่ของโจทก์ แต่เป็นของจำเลยที่ 1 คิดค้นประดิษฐ์ขึ้นด้วยนิมิตสิทธิ และได้ใช้กับสินค้าของจำเลยที่ 1จำพวก 5, 8, 13 ซึ่งมีจำหน่ายแพร่หลายไปทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย โจทก์ก็เคยเป็นลูกค้าซื้อสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าดังกล่าวของจำเลยที่ 1 จึงทราบดีว่าเครื่องหมายการค้าดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ 1 นายทะเบียนไม่รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้โจทก์จึงชอบแล้ว ที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้โจทก์ตามคำขอเลขที่ 119920ทะเบียนเลขที่ 75517 ไม่ทำให้โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงฟ้องแย้งขอให้ศาลเพิกถอนคำขอจดทะเบียนทั้งสองคำขอดังกล่าว และสั่งห้ามไม่ให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอทั้งสอง และเพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ 75517 กับห้ามมิให้โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้าคำว่า “HARRIS” กับสินค้าทุกชนิด พร้อมทั้งเก็บและทำลายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าดังกล่าวด้วย กับให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งทำนองเดียวกับที่กล่าวในฟ้องขอให้ยกฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ดำเนินการเพิกถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 118804 กับคำขอเลขที่ 126353 และเพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ 75517 ของโจทก์ ถ้าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา ยกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวน คำขออื่นตามฟ้องแย้งให้ยก โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับปัญหาที่ว่าโจทก์หรือจำเลยที่ 1 มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่ากันนั้น โจทก์มีนายไพโรจน์ อภินรเศรษฐ์ เป็นพยานเบิกความว่า นายโจว ชิง ฉวนประธานกรรมการบริษัทฮาร์ริสเอ็นจิเนียริงเวอร์ค จำกัด ซึ่งอยู่ที่ประเทศสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาทไว้ในประเทศนั้นแล้วตามเอกสารหมาย จ.2 ต่อมาบริษัทดังกล่าวตั้งโจทก์เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทดังกล่าวในประเทศไทย และบริษัทดังกล่าวมอบฉันทะให้โจทก์จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาทในประเทศไทย แต่ตามเอกสารหมาย จ.2นั้นปรากฏว่าบริษัทดังกล่าวเพิ่งจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านี้ในปี พ.ศ. 2523 และตามเอกสารหมาย จ.3 บริษัทดังกล่าวเพิ่งตั้งโจทก์เป็นตัวแทนในปี พ.ศ. 2524 นี้เอง ที่พยานปากนี้อ้างว่าบริษัทดังกล่าวมอบฉันทะให้โจทก์จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาทในประเทศไทยนั้น ก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์มีหลักฐานมาสนับสนุนข้ออ้างนี้แต่ประการใด ส่วนจำเลยทั้งสองนำสืบโดยมีหลักฐานประกอบรับฟังได้ว่าเครื่องหมายการค้าพิพาทนั้นจำเลยที่ 1 ใช้มา10 ปีเศษแล้ว และบริษัทฮาร์ริส คาโลริฟิค จำกัด ซึ่งจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาทไว้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2501 ตามเอกสารหมาย ล.6 ได้โอนขายทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาทให้จำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2516 ตามหนังสือโอนสิทธิเอกสารหมาย ล.7 ทั้งจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้านี้ไว้ที่ประเทศออสเตรเลียเมื่อปี พ.ศ. 2519ตามเอกสารหมาย ล.8 นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ยังมอบให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดแหลมทองผลิตภัณฑ์แก๊สเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของจำเลยที่ 1 ภายใต้เครื่องหมายการค้าพิพาทนี้ และห้างดังกล่าวได้ขายสินค้าให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดเลิศวิลัยพาณิชย์ตามเอกสารหมาย ล.10 พยานโจทก์มีน้ำหนักน้อยกว่าพยานจำเลย ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่าโจทก์ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน