แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ลูกจ้างจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ชนรถยนต์ชนรถยนต์ของโจทก์ และจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนมาติดต่อตกลงเรื่องค่าเสียหาย จำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนได้ทำบันทึกชดใช้ค่าซ่อมแซมรถยนต์ของโจทก์ อันเป็นการกระทำภายในขอบอำนาจที่จำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้ โดยโจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 2 ได้กระทำการไปโดยปราศจากอำนาจหรือทำนอกเหนือขอบอำนาจของตัวแทน ดังนี้ ไม่ใช่กรณีที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 วรรคสอง และตามคำฟ้องก็ไม่มีทางที่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดได้ที่ศาลไม่รับฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 จึงชอบแล้ว
โจทก์ฎีกาขอให้รับฟ้องจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณา โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ไม่ใช่เสียตามจำนวนทุนทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายมานิตย์ลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๑ โดยประมาท ชนท้ายรถยนต์ของโจทก์เสียหาย หลังเกิดเหตุ จำเลยที่ ๑ ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนมาติดต่อตกลงเรื่องค่าเสียหายและจำเลยที่ ๒ ในฐานะตัวแทนได้ทำบันทึกตกลงเอารถยนต์ของโจทก์ไปทำการซ่อมแซมให้ ซึ่งเป็นการทำการภายในขอบอำนาจที่จำเลยที่ ๑ มอบอำนาจให้ แต่จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติ ขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยทั้งสอง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์บรรยายฟ้องยืนยันว่าจำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนทำการแทนจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาเป็นข้อกฎหมายว่า หลังจากฟ้องแล้วจำเลยที่ ๑ ยื่นคำให้การว่ามิได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนทำสัญญาตกลงใช้ค่าเสียหายกับโจทก์ จำเลยที่ ๒ ทำโดยไม่มีอำนาจ ศาลควรรับฟ้องจำเลยที่ ๒ ไว้พิจารณาเพื่อให้โอกาสโจทก์และจำเลยทั้งสองพิสูจน์ว่าจำเลยที่ ๑ มอบอำนาจให้จำเลยที่ ๒ ทำการแทนจำเลยที่ ๑ หรือไม่ หากศาลด่วนวินิจฉัยว่าตัวแทนไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวแล้วบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๐๕, ๘๐๗, ๘๑๒, ๘๒๓ ก็นำมาใช้บังคับแก่ตัวแทนและตัวการไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนมาติดต่อตกลงเรื่องค่าเสียหาย จำเลยที่ ๒ ในฐานะตัวแทนได้ทำบันทึกชดใช้ค่าซ่อมแซมรถยนต์ของโจทก์ ซึ่งเป็นการทำการภายในขอบอำนาจที่จำเลยที่ ๑ มอบอำนาจให้ โดยโจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นตัวแทนได้กระทำการไปโดยปราศจากอำนาจหรือทำนอกเหนือขอบอำนาจของตัวแทน จึงไม่ใช่กรณีที่จำเลยที่ ๒ จะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๒๓ วรรคสอง แม้ศาลจะให้รับฟ้องในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ ไว้พิจารณา ก็ไม่มีทางที่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ต้องรับผิดได้ ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รับฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒ จึงชอบแล้ว
อนึ่ง โจทก์ฎีกาขอให้รับฟ้องจำเลยที่ ๒ ไว้พิจารณา โจทก์ควรเสียค่าขึ้นศาลเพียง ๒๐๐ บาท ไม่ต้องเสียตามจำนวนทุนทรัพย์
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาส่วนที่เกิน ๒๐๐ บาทให้โจทก์.