คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2247/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องแย้งถือเป็นคำฟ้องอย่างหนึ่ง จึงต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 กล่าวคือ จะต้องมีข้อโต้แย้งสิทธิของจำเลยเกิดขึ้น หากคำฟ้องแย้งไม่ได้บรรยายถึงเหตุที่โจทก์ปฏิบัติผิดสัญญา ย่อมไม่มีข้อโต้แย้งสิทธิอันจะเป็นเหตุให้จำเลยมีสิทธิฟ้องแย้งโจทก์ได้ โจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญาให้สิทธิอาศัย แต่จำเลยฟ้องแย้งตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินระหว่างจำเลยกับ ต. ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาให้จำเลยเข้าอยู่อาศัยในห้องชุดของโจทก์โดยมีเงื่อนไขว่า หากจำเลยขายที่ดินให้นายดำริแสงประสิทธิ์ น้องเขยโจทก์แล้ว โจทก์จะต้องให้จำเลยหรือบุตรเข้าอยู่อาศัยในห้องชุดของโจทก์เป็นการตอบแทน จนกว่าบุตรของจำเลยจะสำเร็จการศึกษาชั้นอุดมศึกษาครบทุกคน แต่จำเลยทำผิดข้อตกลงจึงขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากห้องชุด และส่งมอบคืนให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยได้สิทธิอาศัยในห้องชุดเนื่องจากโจทก์กับนายดำริ แสงประสิทธิ์ ตอบแทนจำเลยที่ไม่ปรับนายดำริเนื่องจากการผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน โจทก์ให้จำเลยและบริวารอยู่ในห้องชุดอย่างเป็นเจ้าของจนกว่าบุตรของจำเลยจะสำเร็จการศึกษาชั้นอุดมศึกษาทุกคน และในระหว่างนั้นโจทก์จะไม่จำหน่ายจ่ายโอนหรือให้บุคคลอื่นเช่า หากผิดสัญญาโจทก์ยอมให้จำเลยปรับเป็นเงิน 300,000 บาท และการที่จำเลยยอมให้นายดำริกับโจทก์นำที่ดินของจำเลยไปขายให้บุคคลอื่น ทำให้จำเลยขาดประโยชน์รวม1,300,000 บาท เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้เท่ากับโจทก์ผิดสัญญา ขอให้ยกฟ้อง และให้โจทก์ชำระค่าปรับ 300,000 บาท และค่าขาดประโยชน์1,300,000 บาท แก่จำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฟ้องแย้งโจทก์เรียกค่าปรับเป็นเงิน 300,000 บาท ตามสัญญาให้สิทธิอาศัยโดยอ้างว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญานั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา1(3) ฟ้องแย้งถือว่าเป็นคำฟ้องอย่างหนึ่ง จึงต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 กล่าวคือ จำเลยจะฟ้องแย้งโจทก์ได้ก็ต่อเมื่อมีข้อโต้แย้งสิทธิของจำเลยเกิดขึ้นแต่ตามคำฟ้องแย้งของจำเลยได้บรรยายเพียงว่า จำเลยได้สิทธิอาศัยอยู่ในห้องชุด โดยโจทก์ยินยอมจนกว่าบุตรของจำเลยสำเร็จการศึกษาชั้นอุดมศึกษาทุกคน และในระหว่างนั้นโจทก์จะจำหน่าย จ่าย โอนหรือนำออกให้บุคคลภายนอกเช่าไม่ได้นั้น คำฟ้องแย้งดังกล่าวหาได้บรรยายถึงเหตุที่โจทก์ผิดสัญญาไม่ จึงไม่มีข้อโต้แย้งสิทธิอันจะเป็นเหตุให้จำเลยมีสิทธิฟ้องแย้งโจทก์เป็นคดีนี้ได้ และการที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำให้โจทก์เสียผลประโยชน์ที่พึงได้จากการให้ผู้อื่นเช่าห้องอยู่แล้วเดือนละ 2,000 บาท และโจทก์สามารถนำห้องชุดให้ผู้อื่นเช่าได้ในราคาเดือนละ 3,000 บาท นั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการจำหน่าย จ่าย โอน หรือนำห้องชุดพิพาทออกให้บุคคลภายนอกเช่า อันจะเป็นการผิดสัญญาแต่ประการใด
ที่จำเลยฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 1,300,000 บาทนั้น จำเลยอ้างเหตุเรียกร้องตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินระหว่างจำเลยกับนายดำริ ฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าวจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมที่โจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญาให้สิทธิอาศัย
พิพากษายืน

Share