แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ภรรยาโจทก์และจำเลยแลกเปลี่ยนที่ดินโดยทำนิติกรรมยกให้ซึ่งกันและกัน โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย ซึ่งในที่สุดศาลพิพากษาว่าเป็นโมฆะและให้จำเลยคืนที่ดินนั้นให้โจทก์ตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลพิพากษาฉะเพาะเพียงเท่านี้ จำเลยจะมาร้องในคดีเดิมขอให้ศาลบังคับโจทก์ให้คืนที่ดินที่แลกเปลี่ยนนั้นแก่จำเลยเพื่อให้คืนสู่ฐานะเดิมหาได้ไม่ เพราะเป็นอีกคดีหนึ่งซึ่งจำเลยมิได้ฟ้องร้องเป็นคดีขึ้นมา.
ย่อยาว
เรื่อง ขอให้เพิกถอนนิติกรรม
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาให้ที่ดินโฉนดที่ ๓๐๕๔ ระหว่างนางนาภรรยาโจทก์ผู้ให้และจำเลยทั้งสองผู้รับ โดยอ้างว่านายพุมมาโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย นิติกรรมรายนี้จึงเป็นโมฆียะ ศาลฎีกาได้ชี้ขาดแต่เฉพาะประเด็นตามฟ้องข้อที่ว่านิติกรรมดังกล่าวแล้วตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๓๘ จึงให้เพิกถอนหนังสือสัญญาให้กรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนตามโฉนดที่ ๓๐๕๔ คู่กรณีจึงคืนเข้าสู่ฐานะเดิมโดยเฉพาะโฉนดรายพิพาทที่ ๓๐๕๔ ต้องโอนกลับคืนมายังภรรยาโจทก์
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยได้โอนที่ดินโฉนดที่ ๓๐๕๔ ให้นางนาภริยาโจทก์แล้ว แต่โจทก์ไม่ยอมโอนที่ดินโฉนดที่ ๓๐๕๕ คืนจำเลย ขอให้ศาลบังคับ
โจทก์คัดค้านว่า จำเลยไม่มีสิทธิ์ร้องขอต่อศาลได้เช่นนั้นเพราะเป็นการนอกเหนือคำพิพากษาของศาล จำเลยมิได้ฟ้องแย้งหรือฟ้องเข้ามาใหม่จนคดีขาดอายุความแล้ว
ศาลชั้นต้นเห็นว่า เมื่อนิติกรรมนั้นตกเป็นโมฆะตามมาตรา ๑๓๘ คู่กรณีย่อมกลับคืนสู่ฐานะเดิม จึงมีคำสั่งให้โจทก์โอนที่ดินโฉนดที่ ๓๐๕๕ คืนให้จำเลย
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ โดยพิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้น เพราะไม่อาจก้างล่วงบังคับคดีให้นางนาภรรยาโจทก์คืนโฉนดที่ ๓๐๕๕ แก่จำเลย ซึ่งเป็นอีกคดีหนึ่งโดยจำเลยมิได้ฟ้องร้องเป็นคดีขึ้นมา ให้ยกคำร้องจำเลย.