คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2244/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานบุกรุกตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 นั้น ต้องเป็นการเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น หรือเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข จำเลยเข้าไปปลูกสร้างบ้านในที่พิพาทโดยความยินยอมของเจ้าของเดิมก่อนโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทมา หาใช่จำเลยเพิ่งเข้าไปครอบครองที่พิพาทเมื่อโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแล้วไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 362

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒ จำคุก ๓ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเข้าอยู่อาศัยในที่พิพาทก่อนหน้าที่โจทก์จะได้รับการยกให้จากมารดา ซึ่งจำเลยนำสืบว่าเข้าอยู่ในที่พิพาทโดยนายสำราญตาโจทก์เป็นผู้อนุญาต และปลูกบ้านตามฟ้องตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๑ โจทก์ฎีกาว่า เมื่อจำเลยทราบแล้วว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แต่ไม่ยอมออกไปนอกจากจะได้ค่ารื้อถอน แสดงว่าจำเลยเจตนาบุกรุกที่ดินโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จะเป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒ ที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยนั้น ต้องเป็นการเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น หรือเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเข้าไปปลูกสร้างบ้านในที่พิพาทโดยความยินยอมของเจ้าของเดิมก่อนโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทมา หาใช่จำเลยเพิ่งเข้าไปครอบครองที่พิพาทในวันเวลาที่โจทก์ฟ้องไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามฟ้องของโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share