แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า การที่โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดสิทธิการเช่าโทรศัพท์แล้วทำการขายทอดตลาดไปนั้น เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะผู้ร้องเป็นเจ้าของสิทธิการเช่าโทรศัพท์ โดยเป็นผู้เช่าจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย สิทธิการเช่าดังกล่าวมิใช่ทรัพย์ของจำเลย ขอให้ศาลสั่งยกเลิกการขายทอดตลาดนั้น คำร้องของผู้ร้องดังกล่าวมีผลเท่ากับการขอให้ศาลสั่งปล่อยทรัพย์ที่ยึด ซึ่งผู้ร้องจะต้องยื่นก่อนมีการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 และมิใช่เป็นกรณีเกี่ยวกับการขายทอดตลาดอันฝ่าฝืนกฎหมายของเจ้าพนักงานบังคับคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง
ศาลมีคำสั่งรับคำร้องของโจทก์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ต่อมาผู้ร้องได้ยื่นคำแถลงขอให้ศาลออกหมายเรียกโจทก์และจำเลย ความปรากฏต่อศาลว่าการสั่งรับคำร้องมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ศาลก็มีอำนาจเพิกถอนคำสั่งเดิมและสั่งยกคำร้องดังกล่าวเสียได้ ดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 ให้อำนาจไว้ และในกรณีเช่นนี้ศาลไม่จำเป็นต้องสั่งคำแถลงของผู้ร้องที่ขอให้ออกหมายเรียก และไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดสิทธิการเช่าโทรศัพท์หมายเลข ๒๒๒๔๕๙๖ โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์ของจำเลยแล้วขายทอดตลาดไป ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องว่า โจทก์กับเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดสิทธิการเช่าโทรศัพท์ดังกล่าวโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะผู้ร้องเป็นเจ้าของสิทธิการใช้โทรศัพท์ดังกล่าวโดยเป็นผู้เช่าจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย สิทธิการเช่าโทรศัพท์ดังกล่าวจึงมิใช่ของจำเลย ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดดังกล่าวและให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องเฉพาะข้อหาเกี่ยวกับสิทธิการเช่าโทรศัพท์ส่วนข้อหาค่าเสียหายไม่รับ
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ต่อมาผู้ร้องยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นขอให้ออกหมายเรียกเพื่อผู้ร้องจะได้นำส่งให้แก่โจทก์และจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ปรากฏตามหนังสือของเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดสิทธิการเช่าเครื่องรับโทรศัพท์ไปก่อนแล้ว ผู้ร้องมายื่นคำร้องขัดทรัพย์ภายหลังวันที่ขายทอดตลาดทรัพย์ จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๘ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำร้องของผู้ร้องสรุปใจความได้ว่า โจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดสิทธิการเช่าโทรศัพท์หมายเลข ๒๒๒๔๕๙๖ ของผู้ร้องซึ่งได้เช่าจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาด ซึ่งมีผลเท่ากับขอให้ศาลปล่อยทรัพย์ที่ยึดเพราะเป็นการอ้างว่าสิทธิการเช่าโทรศัพท์เป็นของผู้ร้อง ซึ่งผู้ร้องจะต้องยื่นเสียก่อนที่จะมีการขายทอดตลาดอันเป็นหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๘ และมิใช่เป็นกรณีเกี่ยวกับวิธีการขายทอดตลาดอันฝ่าฝืนกฎหมายของเจ้าพนักงานบังคับคดีตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๙๖ วรรคสอง
ที่ผู้ร้องฎีกาอีกว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำร้องแล้ว ต่อมามีคำสั่งให้ยกคำร้องโดยไม่ได้ไต่สวนและมิได้มีคำสั่งคำแถลงของผู้ร้องที่ขอให้ออกหมายเรียกเช่นนี้ ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘ นั้น เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำร้องไว้แล้ว ต่อมาได้ปรากฏต่อศาลชั้นต้นเองว่า การสั่งรับคำร้องนั้นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๘ ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจเพิกถอนคำสั่งเดิมและสั่งยกคำร้องเพื่อให้ถูกต้องได้ ดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗ ให้อำนาจไว้ และกรณีเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งคำแถลงที่ขอให้ออกหมายเรียกของผู้ร้อง มิได้ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘
พิพากษายืน