แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 กับผู้ตายเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อนวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองพบกับผู้ตายและ ว. โดยบังเอิญ จำเลยที่ 1 ใช้ ท่อนไม้ไล่ตีผู้ตาย จำเลยที่ 2 ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายไม่ได้ร่วมไล่ตีด้วย แต่เมื่อ ว. หยิบไมผู้ตายจำเลยที่ 2 หยิบไม้คานมาถือ และห้ามไม่ให้ ว. ไปช่วย ผู้ตายจึงเป็นการให้ความช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการกระทำผิด จำเลยที่ 2 หามีเจตนาร่วมกระทำผิดด้วยไม่ เมื่อผู้ตายถูกจำเลยที่ 1 ตีตาย จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 86
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๓
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามฟ้อง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๖
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณครึ่งเดือนจำเลยที่ ๑ ทะเลาะวิวาทกับผู้ตายและถูกผู้ตายตีศรีษะแตก วันเกิดเหตุผู้ตายขับรถจักรยานยนต์โดยมีนายวันชัยนั่งซ้อนท้ายไปซื้อไก่ที่บ้านนายไพโรจน์ ระหว่างทางผู้ตายขับรถแซงรถจักรยานยนต์ที่จำเลยที่ ๑ ขับ จำเลยที่ ๒ นั่งซ้อนท้าย เมื่อจำเลยที่ ๑ ขับรถไปทันผู้ตายที่บ้านนายไพโรจน์ จำเลยที่ ๑ หยิบไม้ท่อนกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓ นิ้ว ยาวประมาณ ๑ แขน ซึ่งวางอยู่ในบริเวณนั้นตีนายวันชัย ทำให้นายวันชัยและผู้ตายซึ่งกำลังนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ตกจากรถจักรยานยนต์ เมื่อผู้ตายลุกขึ้นได้ก็วิ่งหนี จำเลยที่ ๑ ถือไม้ไล่ตีผู้ตาย นายวันชัยหยิบไม้กลมอีกท่อนหนึ่งเพื่อจะไปช่วยผู้ตาย จำเลยที่ ๒ หยิบไม้คานและกุญแจปากตายมาถือไว้และห้ามนายวันชัยไม่ให้ไปช่วยผู้ตาย พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองพบผู้ตายโดยบังเอิญจำเลยที่ ๑ ไล่ตีผู้ตายเพราะมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน ส่วนจำเลยที่ ๒ ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตาย ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๑ ไล่ตีผู้ตาย ต่อเมื่อนายวันชัยหยิบไม้จะไปช่วยผู้ตาย จำเลยที่ ๒ จึงได้หยิบไม้คานและกุญแจปากตายมาถือและห้ามไม่ให้นายวันชัยไปช่วยผู้ตาย การกระทำของจำเลยที่ ๒ ดังกล่าวจึงเป็นเพียงให้ความช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ ๑ ในการกระทำผิด หามีเจตนาร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ ๑ ไม่
พิพากษายืน.