แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างจากจำเลย ผู้ร้องยื่นคำร้องสอด แม้คำร้องจะใช้คำว่าขอเข้าเป็นจำเลยร่วม แต่เนื้อความเป็นเรื่องตั้งข้อพิพาทขึ้นใหม่ว่าทรัพย์สินที่ศาลสั่งอายัดชั่วคราวระหว่างพิจารณาเป็นของผู้ร้อง โดยผู้ร้องซึ่งเป็นหุ้นส่วน กับ ธ. หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างฯจำเลยได้ทำการประมูลกิจการของจำเลยและผู้ร้องประมูลได้ โจทก์กับ ธ.สมคบกันทำสัญญาว่าจ้างปลอม ดังนี้ หากข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องสอดคำพิพากษาคดีนี้ย่อมมีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิในทรัพย์สินของจำเลยที่ผู้ร้องมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ด้วยคำร้องสอดของผู้ร้องจึงเป็นคำร้องเพื่อขอความคุ้มครองสิทธิของผู้ร้องอันเกิดจากข้อพิพาทคดีนี้เมื่อผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในมูลความแห่งคดี ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความด้วยการร้องสอดเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) หาใช่ผู้ร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมตามมาตรา 57(2) ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาว่าจ้างโจทก์จัดเรือลำเลียงขนส่งสินค้าจากเรือเดินทะเลโดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าจำเลยจัดการขนถ่ายล่าช้า จำเลยจะต้องเสียเงินค่าล่วงเวลาให้โจทก์ จำเลยผิดสัญญาทำให้โจทก์จัดเรือเพิ่มเติมตามคำสั่งของจำเลยและค่าล่วงเวลาเป็นเงิน 1,565,381.05 บาท เมื่อหักค่าจ้างล่วงหน้าที่จำเลยได้ชำระให้โจทก์แล้วเหลือเงินที่จำเลยต้องจ่ายให้โจทก์อีก 1,465,381.05 บาท ขอบังคับให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ได้ทำสัญญาขนส่งสินค้ากับโจทก์ตามฟ้องจริงแต่เหลือเงินที่จำเลยต้องจ่ายให้โจทก์อีก 992,228.63 บาท โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยเพราะยอดหนี้ยังโต้เถียงกันอยู่ ขอให้ยกฟ้อง
ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องมีส่วนได้เสียตามกฎหมาย คือผู้ร้องเป็นหุ้นส่วนของจำเลยโดยลงหุ้นกับนายธารา กิจการและทรัพย์สินที่ศาลสั่งอายัดเป็นของผู้ร้องแต่ผู้เดียว โดยผู้ร้องกับนายธาราได้ทำการประมูลกันเองผู้ร้องเป็นผู้ประมูลได้ ขณะนี้ผู้ร้องฟ้องบังคับให้นายธาราจดทะเบียนโอนกิจการให้ผู้ร้องอยู่ คดีนี้เมื่อโจทก์ขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณา นายธารารีบยอมรับให้ศาลอายัดโดยไม่ต้องทำการไต่สวน แสดงเจตนาฉ้อโกงผู้ร้องมิให้ได้รับชำระหนี้ การฟ้องคดีนี้โจทก์กับนายธาราสมคบกันทำสัญญาว่าจ้างปลอมขึ้น ความจริงจำเลยติดค้างค่าบรรทุกโจทก์อยู่เพียง 251,315.90 บาทเท่านั้น โจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตทำให้ผู้ร้องเสียหาย จึงขอเข้าเป็นจำเลยร่วม และยื่นคำให้การต่อสู้คดีโจทก์
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านว่า ผู้ร้องเป็นเพียงหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดไม่มีสิทธิบริหารกิจการของจำเลย แม้จำเลยจะถูกบังคับตามคำพิพากษาของศาลผู้ร้องก็ไม่ต้องรับผิดในฐานะส่วนตัว การที่ผู้ร้องอ้างว่าได้ตกลงประมูลกิจการของจำเลยและฟ้องคดีก็เป็นเรื่องระหว่างผู้ร้องกับนายธารา หาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ไม่ขอให้ยกคำร้องสอด
จำเลยแถลงคัดค้านว่า ผู้ร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) นั้น ไม่ชอบ คำให้การของผู้ร้องเป็นปฏิปักษ์และขัดกับสิทธิของจำเลย ต้องห้ามตามมาตรา 58 วรรคสอง ขอให้ยกคำร้องสอด
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ให้ยกคำร้องสอดและไม่รับคำให้การของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้รับคำร้องสอดและคำให้การของผู้ร้อง และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไปตามรูปคดี
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำร้องสอดของผู้ร้องแม้จะใช้คำว่าขอเข้าเป็นจำเลยร่วมแต่เนื้อความตามคำร้องสอดเป็นเรื่องตั้งข้อพิพาทขึ้นใหม่ว่าทรัพย์สินที่ศาลสั่งอายัดเป็นของผู้ร้อง โดยผู้ร้องกับนายธาราทำการประมูลกันเอง และผู้ร้องเป็นผู้ประมูลได้โจทก์กับนายธาราสมคบกันทำสัญญาว่าจ้างท้ายฟ้องปลอม หากข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องสอดแล้ว คำพิพากษาคดีนี้ย่มมีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิในทรัพย์สินของจำเลยที่ผู้ร้องมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ด้วยในฐานะผู้ร้องเป็นหุ้นส่วนและผู้ประมูลทรัพย์ของจำเลยได้ คำร้องสอดของผู้ร้องจึงเป็นคำร้องเพื่อขอความคุ้มครองสิทธิของผู้ร้องอันเกิดจากข้อพิพาทคดีนี้ ผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในมูลความแห่งคดีนี้ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลขอเข้ามาเป็นคู่ความได้ด้วยการร้องสอด เพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) หาใช่ผู้ร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมตามมาตรา 57(2) ไม่
พิพากษายืน