คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2236/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้มีดปลายแหลมแบบชายธงยาวทั้งตัวและด้ามประมาณ10 นิ้ว แทงผู้เสียหาย 1 ที ที่บริเวณหน้าท้องด้านซ้าย ปากแผลกว้าง 3 เซนติเมตร เปลวไขมันไหล เลือดตกในประมาณ 500 ซี.ซี. ลำไส้เล็กถลอก พังผืดในช่องท้องมีเลือดซึมตลอดเวลา ต้องรักษาพยาบาลด้วยการผ่าตัด ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส มีดที่จำเลยใช้นับว่าเป็นอาวุธที่ใหญ่และร้ายแรงอาจทำลายชีวิตได้และจำเลยเสือกมีดแทงขณะเข้าเผชิญหน้าโถมตัวเข้ามุ่งประทุษร้ายด้วย อาวุธสู่อวัยวะสำคัญ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำได้ว่าอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย แม้จะแทงเพียงครั้งเดียวขณะมีการวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันก็ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมแบบชายธงแทงประทุษร้ายผู้เสียหาย ๒ ครั้งโดยเจตนาฆ่า ครั้งแรกถูกบริเวณหน้าท้องด้านซ้าย ครั้งหลังแทงไม่ถูกผู้เสียหายได้รับการรักษาทันท่วงทีจึงไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๐
จำเลยให้การว่า ได้ใช้มีดแทงผู้เสียหาย ๑ ครั้งโดยป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๗
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฎีกาโจทก์มีปัญหาวินิจฉัยในชั้นนี้เพียงว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาหรือไม่ ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติตามคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสอง ซึ่งฟังว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมแบบชายธงยาวทั้งตัวและด้ามประมาณ ๑๐ นิ้ว แทงผู้เสียหายไป ๑ ที ขณะที่มีการวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน โดยผู้เสียหายมีไม้ระแนงขนาด ๑” x ๑” ยาวประมาณ ๑ เมตรเศษเป็นอาวุธ ผู้เสียหายถูกแทงบริเวณหน้าท้องด้านซ้าย ปากแผลกว้าง ๓ เซนติเมตรเปลวไขมันไหล เลือดตกในประมาณ ๔๐๐ ซี.ซี. ลำไส้เล็กถลอก พังผืดในช่องท้องมีเลือดไหลซึมตลอดเวลา ต้องรักษาพยาบาลด้วยการผ่าตัด ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส เห็นว่า การใช้มีดแทงของจำเลยเป็นการแทงที่เผชิญหน้าต่างพุ่งตัวเข้าหากัน แม้จำเลยจะแทงไปเพียงครั้งเดียว แต่ปรากฏว่ามีดที่ใช้เป็นมีดปลายแหลมแบบชายธงมีความยาวทั้งตัวและด้ามมีดประมาณ ๑๐ นิ้ว นับว่าเป็นอาวุธที่ใหญ่และร้ายแรงอาจทำลายชีวิตให้แตกดับได้ การใช้มีดของจำเลยเป็นการเสือกมีดแทงขณะเข้าเผชิญหน้าโถมตัวเข้ามุ่งประทุษร้ายกันด้วยอาวุธที่จำเลยมีอยู่สู่อวัยวะสำคัญของอีกฝ่ายเช่นนี้ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำได้ว่าอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยถือได้ว่ากระทำโดยมีเจตนาฆ่า ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัสศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share