คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2233/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยประสงค์จะยุบหน่วยงานจึงเลิกจ้างโจทก์ ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้กลั่นแกล้งแต่อย่างใด โจทก์กลับไปร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่แรงงานจนเป็นเหตุให้มีการตกลงเลิกจ้างกันนับว่าการเลิกจ้างของจำเลยมีเหตุอันสมควร ถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ ต่อมาจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม คือเลิกจ้างโดยไม่มีสาเหตุและรับบุคคลอื่นเข้าทำงานแทน ขอให้ศาลบังคับจำเลยจ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์มิได้ทำงานให้แก่จำเลยด้วยดี จำเลยตักเตือนโจทก์ก็ไม่นำพา จำเลยมิได้เลิกจ้างแต่จะให้โจทก์ไปทำหน้าที่อื่นแต่โจทก์ไม่สมัครใจทำงานในหน้าที่อื่น ถือได้ว่าโจทก์เลิกสัญญาเอง จะกล่าวหาว่าจำเลยเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมมิได้

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า การเลิกจ้างเกิดจากเหตุที่จำเลยยุบหน่วยงานเพราะเห็นว่าโจทก์หลายคนซึ่งทำหน้าที่ในหน่วยปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ไม่ปรากฏเหตุกลั่นแกล้งอย่างใด เมื่อจำเลยจะยุบหน่วยงานได้แจ้งให้โจทก์ทราบแล้วว่าจะเปลี่ยนงานให้ แต่โจทก์กลับไปเรียกร้องกับเจ้าหน้าที่แรงงาน จึงเป็นเหตุให้มีการตกลงเลิกจ้างกันทั้งหมดถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า เหตุที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากจำเลยประสงค์จะยุบหน่วยงานซึ่งโจทก์ทั้งหมดทำหน้าที่ยามอยู่ โดยไม่ปรากฏเหตุกลั่นแกล้งอย่างใด ทั้งยังแสดงท่าทีช่วยเหลือโจทก์ทั้งหมดโดยให้ไปแสดงความจำนงทำงานอื่นของจำเลยต่อไป แต่โจทก์ไม่ยอมแสดงความจำนง กลับไปร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่แรงงานจนเป็นเหตุให้มีการตกลงเลิกจ้างกัน นับว่าการเลิกจ้างของจำเลยมีเหตุอันสมควรจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม

พิพากษายืน

Share