คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2232/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยสั่งจ่ายเช็คระบุชื่อ ว. เป็นผู้รับเงินโดยเข้าใจว่าว.เป็นเจ้าของกิจการของโจทก์เพราะว. เป็นผู้ติดต่อค้าขายกับจำเลยตลอดมา นอกจากนี้ ว. ยังเป็นหุ้นส่วนซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขายของโจทก์ ถือได้ว่าจำเลยออกเช็คพิพาทโดยมีเจตนาชำระหนี้ให้โจทก์ แต่ระบุชื่อ ว. เป็นผู้รับเงินแทนโจทก์จำเลยหาได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ ว. ในฐานะส่วนตัวไม่ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ย่อมมีอำนาจฟ้อง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาเชียงใหม่ จำนวน 3 ฉบับ โดยจำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คทั้ง 3 ฉบับ ชำระหนี้ค่าสินค้าให้โจทก์นำไปเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ต่อมาจำเลยชำระเงินให้บางส่วนคงค้าง 39,220 บาท โจทก์คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 39,220 บาท นับแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2528 ถึงวันฟ้อง เป็นเงิน 490.27 บาท ขอให้จำเลยชำระเงินจำนวน 39,712.27บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 39,220 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ
จำเลยให้การว่า โจกทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คตามฟ้อง โจทก์ไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลย เช็คพิพาทจำเลยออกให้บุคคลอื่นไม่ใช่โจทก์และจำเลยชำระเงินตามเช็คไปแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ในปัญหาที่ว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาททั้งสามฉบับโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้นเห็นว่า แม้เช็คพิพาททั้งสามฉบับจะระบุชื่อนายวิรัช แสงเจริญถาวรเป็นผู้รับเงิน แต่เช็คพิพาททั้งสามฉบับนี้ก็ไม่มีการขีดฆ่าคำว่าหรือผู้ถือออก ได้ความจากนายวิรัช แสงเจริญถาวร พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ฟ้องคดีนี้ว่า จำเลยจ่ายเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ที่จำเลยซื้อน้ำปลาจากโจทก์ แต่ที่เช็คพิพาทระบุชื่อนายวิรัชก็เพราะจำเลยเข้าใจว่านายวิรัชเป็นเจ้าของกิจการของโจทก์เพราะนายวิรัชเป็นผู้ติดต่อค้าขายกับจำเลยตลอดมา นอกจากนี้นายวิรัชยังเป็นหุ้นส่วนของโจทก์และมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการของฝ่ายขายของโจทก์ด้วย ในการติดต่อค้าขายกับจำเลยนั้นนายวิรัชก็ทำในนามของโจทก์ หากเช็คของลูกค้าเรียกเก็บเงินได้ นายวิรัชก็จะนำเงินไปคืนให้โจทก์ จำเลยมิได้นำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น ตามพฤติการณ์ดังกล่าวเห็นได้ว่าจำเลยออกเช็คพิพาทโดยมีเจตนาชำระหนี้ให้โจทก์ แต่ระบุชื่อนายวิรัชเป็นผู้รับเงินแทนโจทก์ นายวิรัชรับเช็คพิพาทไว้และเป็นผู้ถือเช็คพิพาทไว้ในนามของโจทก์ในฐานะที่นายวิรัชเป็นตัวแทนโจทก์นั่นเอง จำเลยหาได้มีเจตนาจ่ายเช็คพิพาทให้นายวิรัชในฐานะส่วนตัวไม่ ทั้งนายวิรัชเองก็ไม่มีเจตนาที่จะรับเช็คพิพาทในฐานะส่วนตัวเช่นเดียวกัน อนึ่ง การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยมอบอำนาจให้นายวิรัชฟ้องคดีแทน ก็เห็นได้ชัดว่านายวิรัชรับเช็คพิพาทไว้แทนโจทก์และยึดถือเช็คพิพาทไว้แทนโจทก์ตลอดมา มิฉะนั้นนายวิรัชก็คงนำเช็คพิพาทมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลยเสียเอง ส่วนการที่นายวิรัชนำเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีของตนเองนั้น ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญแต่ประการใด ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับศาลอุทธรณ์ว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยรับผิดชำระเงินตามเช็คให้โจทก์ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share