คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22318/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายของสินค้าพิพาทที่โจทก์รับประกันภัยไว้ที่เกิดขึ้นในระหว่างการขนส่งทางทะเล โดยมิได้ระบุว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลจากการที่จำเลยทั้งสาม ผู้ขนส่งหรือตัวแทนหรือลูกจ้างของจำเลยทั้งสามกระทำหรืองดเว้นกระทำการโดยมีเจตนาที่จะให้เกิดการเสียหาย หรือโดยละเลย หรือไม่เอาใจใส่ ทั้งที่รู้ว่าการเสียหายนั้นอาจเกิดขึ้นได้ และจำเลยที่ 3 ทราบราคาของที่ขนส่งตามใบกำกับสินค้าเอกสารหมาย จ.5 แล้ว เพื่อให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดในความเสียหายแก่โจทก์โดยไม่ให้จำกัดความรับผิดตาม พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาตรา 58 และมาตรา 60 (1) (4) การที่โจทก์อ้างถึงเหตุดังกล่าวในอุทธรณ์เพื่อให้เข้าข้อยกเว้นการจำกัดความรับผิดของจำเลยทั้งสามผู้ขนส่ง จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 45 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย แม้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและไม่ได้นำพยานมาสืบโต้แย้ง แต่เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้กล่าวหามิได้ยกข้อยกเว้นที่จะทำให้ไม่ให้จำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ผู้ขนส่งขึ้นอ้างมาแต่ต้นแล้ว ความรับผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ผู้ขนส่งย่อมเป็นไปตามผลของกฎหมายดังกล่าว

ย่อยาว

ย่อยาวคำพิพากษาฎีกาที่ 22318/2555
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ ๑๐๖,๙๔๙.๕๙ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑๐๖,๔๐๓ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสามจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ ๓ ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินให้โจทก์ ๒๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีนับแต่วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๑ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๔,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่าตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติว่า บริษัทแอ็ลไลด์ เม็ททัลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด สั่งซื้อสินค้าเครื่องผลิตน้ำแข็งยี่ห้อ มานิโทวอค ๑ เครื่อง และถังน้ำแข็ง ๑ ถัง จากบริษัทมานิโทวอค ฟูดเซอร์วิส กรุ๊ป จำกัด ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเงิน ๒,๘๒๕.๓๕ ดอลลาร์สหรัฐ โดยผู้ซื้อทำสัญญาประกันภัยความเสียหายจากการขนส่งสินค้าพิพาทกับโจทก์ในวงเงิน ๑๑๒,๐๓๐.๖๙ บาท หรือ ๓,๒๔๙.๑๕ ดอลลาร์สหรัฐ และว่าจ้างจำเลยที่ ๑ ให้เป็นผู้ขนส่ง โดยให้เป็นตัวแทนผู้ซื้อไปรับมอบสินค้าจากผู้ขายที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและขนส่งมายังประเทศไทย จำเลยที่ ๑ มอบให้จำเลยที่ ๒ ไปรับมอบสินค้าจากผู้ขายและขนส่งสินค้าที่ต้นทางอีกทอดหนึ่ง จำเลยที่ ๓ เป็นผู้ขนส่งสินค้าอีกทอดหนึ่ง
โดยขนส่งมากับเรือ “เอ็นวายเค โฟนิก” ออกจากท่าเรือต้นทางถึงปลายทางท่าเรือแหลมฉบัง ในวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๐ และบริษัทชิฟโก้ ทรานสปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด ได้ลากตู้สินค้าไปไว้ที่โกดังหรือโรงพักสินค้าลาดกระบัง และแจ้งให้จำเลยที่ ๑ ทราบแล้วจำเลยที่ ๑ แจ้งผู้ซื้อทราบ ผู้ซื้อไปตรวจสอบเพื่อรับสินค้า ปรากฏว่าสภาพหีบห่อของสินค้าอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยทั้งสองกล่อง กล่องสินค้าวางอยู่ด้านบนของไม้รองสินค้าซึ่งโก่งงอหัก มีร่องรอยฉีกขาดเป็นรูคล้ายถูกของแข็งเสียบ สินค้าเครื่องผลิตน้ำแข็งแตกหักมีรอยกระแทกและบุบเสียหาย โดยเฉพาะชุด AIR CONDENSOR/COMPRESSOR ซึ่งเป็นอุปกรณ์หลักทำหน้าที่ในการผลิตน้ำแข็งบิดเบี้ยว บุบเป็นรอยเสียหายสิ้นเชิง ส่วนหีบห่อของสินค้าถังน้ำแข็งเสียหาย ด้านบนถูกวัตถุแข็งและหนักกดทับ ด้านล่างบุบและฉีกขาด ด้านล่างของถังและแผงด้านบนบุบบริเวณเดียวกับรอยบุบของหีบห่อ ผู้ซื้อเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหาย ๑๐๖,๔๐๓ บาท แต่จำเลยทั้งสามเพิกเฉย ผู้ซื้อจึงเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากโจทก์ โจทก์จ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ซื้อเป็นเงิน ๑๐๖,๔๐๓ บาท เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๑
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสามต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายของสินค้าพิพาทเต็มจำนวนตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายของสินค้าพิพาทที่โจทก์รับประกันภัยไว้ที่เกิดขึ้นในระหว่างการขนส่งทางทะเล โดยมิได้ระบุว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลจากการที่จำเลยทั้งสามผู้ขนส่งหรือตัวแทนหรือลูกจ้างของจำเลยทั้งสามกระทำหรืองดเว้นกระทำการโดยมีเจตนาที่จะให้เกิดการเสียหาย หรือโดยละเลย หรือไม่เอาใจใส่ ทั้งที่รู้ว่าการเสียหายนั้นอาจเกิดขึ้นได้
และจำเลยที่ ๓ ทราบราคาของที่ขนส่งตามใบกำกับสินค้าแล้ว เพื่อให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดในความเสียหายแก่โจทก์โดยไม่ให้จำกัดความรับผิดตามพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๕๘ และมาตรา ๖๐ (๑) (๔)การที่โจทก์อ้างถึงเหตุดังกล่าวในอุทธรณ์เพื่อให้เข้าข้อยกเว้นการจำกัดความรับผิดของจำเลยทั้งสามผู้ขนส่ง จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สิน
ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๔๕ ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๕ วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัยให้ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและไม่ได้นำสืบพยานให้รับฟังได้เป็นอย่างอื่น จึงต้องรับฟังว่าสินค้าพิพาทได้รับความเสียหายจริงในระหว่างการขนส่ง จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เต็มจำนวนโดยไม่สามารถยกข้อจำกัดความรับผิดมาอ้างได้ นั้น เห็นว่า แม้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและไม่ได้นำพยานมาสืบโต้แย้งก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้กล่าวหามิได้ยกข้อยกเว้นที่จะทำให้ไม่ให้จำกัดความรับผิดของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ผู้ขนส่งขึ้นอ้างมาแต่ต้นแล้ว ความรับผิดของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ผู้ขนส่งย่อมเป็นไปตามผลของกฎหมายดังกล่าวดังที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้วินิจฉัยมาโดยชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.

Share