แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ร่วมกับจำเลยพิพาทกันในเรื่องที่ดิน โดยภริยาโจทก์ร่วมฟ้องคดีแพ่งขับไล่จำเลย คดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล การที่จำเลยถอนต้นกล้วยและมันเทศซึ่งจำเลยก็ทราบว่าโจทก์ร่วมได้ปลูกไว้ในที่พิพาททิ้งไปย่อมเห็นได้ว่าทำให้ต้นกล้วยและมันเทศที่ปลูกไว้นั้นเสียหาย จำเลยกระทำโดยพลการ มิได้ใช้สิทธิให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งต้นกล้วยต้นมัน อันเป็นพืชผลของกสิกร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 359, 83
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามฟ้อง จำคุกคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มูลเหตุเกิดจากการพิพาทในเรื่องที่ดิน โดยภริยาโจทก์ร่วมอ้างว่าจำเลยที่ 1 เช่าที่ดินของภริยาโจทก์ร่วม และได้ฟ้องเป็นคดีแพ่งขับไล่จำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 ได้ให้การต่อสู้ในคดีแพ่งว่าที่ดินเป็นของจำเลยที่ 1 คดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล แต่ต้นกล้วยและมันเทศเป็นพืชผลที่โจทก์ร่วมเป็นผู้ปลูกไว้ในที่พิพาทดังกล่าวและจำเลยทั้งสองก็ทราบ การที่จำเลยทั้งสองไปถอนต้นกล้วยและมันเทศทิ้งไป ย่อมเห็นได้ว่าทำให้ต้นกล้วยและมันเทศที่ปลูกไว้นั้นเสียหาย จำเลยทั้งสองกระทำโดยพลการ มิได้ใช้สิทธิให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น