คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยขับรถยนต์สิบล้อไปถึงด่านตรวจ ได้รับสัญญาณให้หยุดรถจากเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งยืนอยู่ริมถนนบริเวณด่านตรวจนั้นแล้วไม่ปฏิบัติตามโดยจำเลยขับรถผ่านเลยไป ดังนี้ เมื่อไม่ได้ความว่าจำเลยกระทำการอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้ การกระทำของจำเลยจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138,289, 80 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 289, 80 เป็นความผิดกรรมเดียวลงโทษตามมาตรา 289, 80 จำคุกตลอดชีวิต ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงจึงเชื่อได้ว่านายดาบตำรวจบุญเที่ยงกับพวกเพียงแต่ไปยืนอยู่ริมถนนที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นรถของจำเลยแล่นมาจึงให้สัญญาณให้หยุด แต่เมื่อรถของจำเลยไม่มีลักษณะที่จะหยุด นายดาบตำรวจบุญเที่ยงกับพวกจึงหลบลงข้างถนนไปก่อนหน้ารถจำเลยจะถึงเป็นระยะทางห่างประมาณ 30 เมตรดังที่พลตำรวจชลอเบิกความ ทั้งยังปรากฏจากแผนที่สังเขปแสดงบริเวณที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.6 ว่าถนนบริเวณเกิดเหตุกว้างถึง 8 เมตร และนายเต็กฉุนว่าถนนกว้างขนาดรถ 10 ล้อสวนกันได้ นอกจากนี้นายเต็กฉุนเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่าที่พยานขับรถติดตามจับกุมเพราะจำเลยขับรถแหกด่านออกมาเท่านั้น พยานหลักฐานของโจทก์ในคดีนี้จึงยังไม่มั่นคงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยได้ขับรถของจำเลยพุ่งเข้าชนนายดาบตำรวจบุญเที่ยงและพลตำรวจชลอตามฟ้องของโจทก์จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ส่วนความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานนั้น เห็นว่า การที่จำเลยขับรถยนต์10 ล้อไปถึงด่านตรวจและได้รับสัญญาณให้หยุดรถจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วไม่ปฏิบัติตาม โดยจำเลยขับรถผ่านเลยไปดังกล่าว เมื่อไม่ได้ความว่าจำเลยกระทำการอื่นใดนอกเหนือไปจากนั้น การกระทำของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามฟ้อง”
พิพากษายืน

Share