คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1856/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุตรคนหนึ่งเอาแบบพิมพ์มาให้มารดาพิมพ์ลายนิ้วมือโดยแจ้งว่าจะเอาไปจัดการใส่ชื่อบุตรคนนั้นลงในโฉนดที่ดินของมารดาด้วย มารดาก็ยอมและกดพิมพ์ลายนิ้วมือให้ไป แต่บุตรกลับไปเพิ่มเติมข้อความในใบมอบฉันทะนั้นเป็นว่ามารดามอบอำนาจให้บุตร ขายที่ดินโฉนดนั้นแก่บุตร 3 คน ดังนี้ เป็นการผิดความประสงค์การโอนขายย่อมเป็นโมฆะมารดาย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมโอนขายนั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ ๑๕๒๓ ราคาประมาณ ๕๐๐๐ บาท มีความประสงค์จะยกให้บุตรหลาน โจทก์จึงได้กดพิมพ์ลายนิ้วมือลงในใบมอบฉันทะให้จำเลยทั้ง ๓ ซึ่งเป็นบุตรโจทก์ไปจัดการโอนกรรมสิทธิให้แก่จำเลยทั้ง ๓ และหลาน ๒ คนคือนายสถิตย์ นางสาวสละ จำเลยทั้ง ๓ กลับนำใบมอบฉันทะไปแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่า โจทก์มอบฉันทะให้มาโอนขายที่รายนี้ให้แก่จำเลยทั้งง ๓ เป็นเงิน ๖๐๐ บาท เจ้าพนักงานที่ดินจึงทำการโอนกรรมสิทธิ ให้แก่จำเลยทั้ง ๓ ไป โจทก์เพิ่งทราบ จึงขอให้เพิกถอนนิติกรรมการขายรายนี้ ให้จำเลยโอนกรรมสิทธิมาเป็นของโจทก์ตามเดิม
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยเสีย ให้โอนกรรมสิทธิที่ดินกลับมาเป็นของโจทก์ตามเดิม
จำเลยที่ ๑-๒ ฎีกา
ศาลฎีกาได้พิจารณาคำพยานโจทก์ จำเลยตลอดแล้วเห็นว่า ตามรูปคดีที่โต้เถียงกันมีอยู่ว่า โจทก์มอบอำนาจให้จำเลยไปโอนขายแก่จำเลยทั้ง ๓ ด้วยความสมัครใจหรือไม่ ซึ่งโจทก์นำสืบฟังได้ว่า โจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้จำเลยไปจัดการโอนขายที่ดินให้จำเลยแทนโจทก์เลย ฉะนั้นการที่จำเลยไปจัดการเพิ่มเติมข้อความในใบมอบฉันทะ จนผิดความประสงค์ของโจทก์ไป และโอนขายที่ดินไป จึงเป็นโมฆะ โจทก์ย่อมมีสิทธิขอให้เพิกถอนได้ จึงพิพากษายืน

Share