คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2228/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์ทั้งสี่ยื่นฎีกาแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์ทั้งสี่เสียค่าขึ้นศาลในส่วนของแต่ละคนเพิ่มภายใน10 วัน แม้โจทก์ทั้งสี่เห็นว่าโจทก์ทั้งสี่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินโฉนดที่ถูกเวนคืน ในการจ่ายค่าทดแทนของจำเลยจะจ่ายให้แก่โจทก์ทั้งสี่ร่วมกัน ในการคำนวณทุนทรัพย์เสียค่าฤชาธรรมเนียมในคดีจึงต้องคำนวณ จากทุนทรัพย์ที่เป็นข้อโต้แย้งของการจ่ายค่าทดแทนในที่ดินโฉนดที่ถูกเวนคืน มิใช่เสียค่าขึ้นศาลในแต่ละคนตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งก็ตาม โจทก์ทั้งสี่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวก่อน หากโจทก์ทั้งสี่ไม่เห็นพ้องกับคำสั่งของศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งในภายหลังได้เมื่อโจทก์ทั้งสี่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ทั้งสี่จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสี่ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 3007 เนื้อที่ 2 งาน 70 ตารางวาอยู่ในแนวที่ต้องถูกเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่เขตดุสิต เขตราชเทวี เขตปทุมวัน เขตห้วยขวาง เขตบางกะปิ เขตคลองเตย เขตประเวศเขตบางคอแหลม และเขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2534เพื่อสร้างทางพิเศษระบบทางด่วนขั้นที่ 2 สายแจ้งวัฒนะ บางโคล่และสายพญาไท-ศรีนครินทร์ เป็นจำนวน 165 ตารางวาขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มแก่โจทก์ทั้งสี่เป็นเงิน44,520,922.05 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 8.5 ต่อปีจากต้นเงิน 41,050,730.05 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การต่อสู้คดีขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าทดแทนแก่โจทก์ทั้งสี่6,600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 8.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2536 ถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2536อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2536ถึงวันที่ 12 ธันวาคม 2536 อัตราร้อยละ 7 ต่อปีนับแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2536 ถึงวันที่ 12 มกราคม 2537อัตราร้อยละ 6.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 13 มกราคม 2537 ถึงวันที่9 มีนาคม 2537 และอัตราร้อยละ 7 ต่อปี นับแต่วันที่ 10 มีนาคม 2537เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ทั้งนี้ดอกเบี้ยให้เป็นไปตามอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยธนาคารออมสิน
โจทก์ทั้งสี่และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงประการเดียวว่า โจทก์ทั้งสี่ควรจะได้รับค่าทดแทนที่ดินเป็นจำนวนเท่าใด เห็นว่า ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจกำหนดค่าทดแทนที่ดินเพิ่มให้อีกตารางวาละ 40,000 บาทรวมกับที่จำเลยกำหนดให้เดิมตารางวาละ 80,000 บาท เป็นตารางวาละ120,000 บาท จึงเป็นจำนวนที่เป็นธรรมแก่โจทก์ทั้งสี่และสังคมแล้วฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ที่โจทก์ทั้งสี่ยื่นฎีกาแล้วศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์ทั้งสี่เสียค่าขึ้นศาลในส่วนของแต่ละคนเพิ่มภายใน 10 วันแต่โจทก์ทั้งสี่ไม่เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มในแต่ละคนภายในกำหนดศาลชั้นต้นจึงสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ทั้งสี่ โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นต่อศาลฎีกาว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินโฉนดเลขที่ 3007 ที่ถูกเวนคืน ในการจ่ายค่าทดแทนของจำเลยจะจ่ายให้แก่โจทก์ทั้งสี่ร่วมกัน ในการคำนวณทุนทรัพย์เสียค่าฤชาธรรมเนียมในคดีจึงต้องคำนวณจากทุนทรัพย์ที่เป็นข้อโต้แย้งของการจ่ายค่าทดแทนในที่ดินโฉนดเลขที่ 3007เท่านั้นไม่ใช่ให้โจทก์ทั้งสี่เสียค่าขึ้นศาลในแต่ละคนตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งในฎีกาของโจทก์ทั้งสี่ให้เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มในส่วนของแต่ละคนภายในกำหนด 10 วันแล้ว โจทก์ทั้งสี่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวก่อนหากโจทก์ทั้งสี่ไม่เห็นพ้องกับคำสั่งของศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งในภายหลังได้เมื่อโจทก์ทั้งสี่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ทั้งสี่ จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share