แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยแบ่งแยกที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างโจทก์จำเลยให้แก่ ช. มิได้ขอให้แบ่งแยกให้แก่โจทก์ เมื่อจำเลยไม่ยอมแบ่งแยกให้ ผู้ที่ถูกโต้แย้งสิทธิคือ ช. หาใช่โจทก์ไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นผู้รับมรดกร่วมกันในที่ดินของนายอับดุลการิมบิดา 1 แปลง โฉนดเลขที่ 1383 ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ที่ดินโฉนดดังกล่าวมีผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมเฉพาะส่วนอยู่ 3 คนคือร้อยตรีชำนาญ นายเซ็มและนายมูฮำหมัด วันที่ 26 มิถุนายน 2517 นายชื่นได้ซื้อที่ดินเฉพาะส่วนของบุคคลทั้งสามซึ่งมีเนื้อที่จำนวน 3 ไร่ แต่ในการรังวัดแบ่งแยกโฉนด จำเลยได้ชี้เขตที่ดินให้นายชื่น ซึ่งออกเป็นโฉนดเลขที่ 20726 ได้เนื้อที่เพียง 2 ไร่ 3 งาน 55 ตารางวา อีก 45 ตารางวาตกอยู่ในโฉนดที่โจทก์จำเลยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันคือโฉนดเลขที่ 20725 ซึ่งแยกจากโฉนดเดิมมีเนื้อที่ 3 งาน 79 ตารางวา เมื่อที่ดินที่นายชื่นซื้อขาดจำนวนเช่นนี้ นายชื่นจึงขอคืนจากโจทก์จำเลยคนละ 22 ตารางวาครึ่ง โจทก์ยอมคืนให้ส่วนจำเลยไม่ยอมจนนายชื่นต้องฟ้อง จำเลยจึงยอมความคืนให้ และโจทก์ได้ไปลงชื่อร่วมในคำขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยให้นายชื่นไปแล้ว ต่อมาโจทก์ไปขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 20725 เฉพาะส่วนของโจทก์ให้นายชื่นจำนวน 22 ตารางวาครึ่งบ้าง เจ้าพนักงานขัดข้องอ้างว่าต้องนำโฉนดไปด้วย และต้องให้จำเลยผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมไปลงชื่อในคำขอรังวัด จึงจะจัดการให้ได้ โจทก์มอบให้ทนายโจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยนำโฉนดเลขที่ 20725 ไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ ครั้นถึงกำหนด จำเลยไปยังสำนักงานที่ดินดังกล่าว แต่ไม่นำโฉนดเลขที่ 20725 ไปด้วย และแจ้งว่าไม่ยอมให้ทำการรังวัดที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์ 22 ตารางวาครึ่งให้แก่นายชื่น เป็นเหตุให้โจทก์รังวัดแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 20725 ให้นายชื่นไม่ได้ จึงฟ้องให้ศาลพิพากษาให้จำเลยนำโฉนดเลขที่ 20725 มามอบให้โจทก์ที่ศาลโดยพลันและให้จำเลยไปร่วมลงชื่อขอแบ่งแยกที่ดินโฉนดดังกล่าวเฉพาะส่วนของโจทก์ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการให้นายชื่น ถ้าจำเลยไม่ไปลงชื่อร่วมกับโจทก์ ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นเครื่องแสดงเจตนาของจำเลยในการขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินโฉนดดังกล่าวและให้เจ้าพนักงานที่ดินจัดการรังวัดแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 20725 เฉพาะส่วนของโจทก์ 22 ตารางวาครึ่งให้นายชื่น ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งว่า กรณีตามคำฟ้องโจทก์มิได้ถูกโต้แย้งสิทธิหรือจำเป็นต้องใช้สิทธิทางศาลแต่อย่างใด ไม่รับคำฟ้องจำหน่ายคดี คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ประเด็นแห่งคดีมีว่า คำฟ้องของโจทก์เป็นคำฟ้องที่ศาลชอบที่จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์เป็นการที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยแบ่งแยกที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างโจทก์จำเลยให้แก่นายชื่น มิได้ขอให้แบ่งแยกให้โจทก์ ฉะนั้นเมื่อจำเลยไม่ยอมแบ่งแยกให้ผู้ที่ถูกโต้แย้งสิทธิคืนนายชื่น หาใช่โจทก์ไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย ขอให้จัดการรังวัดที่ดินพิพาทให้แก่นายชื่น
พิพากษายืน