แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การได้ที่พิพาทมาโดยนิติกรรม เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ ย่อมไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคแรก กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทจึงยังไม่โอนมา
แม้ผู้ร้องจะได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทมาเป็นเวลา 5 ปีเศษแล้ว แต่ก็ได้ปล่อยปละละเลยมิได้ดำเนินการเพื่อให้มีการจดทะเบียนการได้มา แสดงว่าผู้ร้องไม่ประสงค์จะให้มีการจดทะเบียนการได้มาซึ่งที่พิพาทนั้น ผู้ร้องจึงมิใช่ผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้อยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิได้ก่อนที่พิพาทจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ขอให้ศาลสั่งให้โจทก์ถอนการยึดทรัพย์ดังกล่าว
โจทก์ให้การว่า ที่พิพาทยังมีชื่อจำเลยถือกรรมสิทธิ์อยู่ แม้จำเลยจะตกลงยกที่ดินดังกล่าวให้ผู้ร้องและผู้ร้องได้ครอบครองมา แต่ยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ร้องไม่ได้เป็นเจ้าของจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งถอนการยึดทรัพย์ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ผู้ร้องได้ที่พิพาทซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์มาโดยนิติกรรมเมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว ย่อมไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๙๙ วรรคแรก กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทจึงยังมิได้โอนมาเป็นของผู้ร้อง แต่ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยอยู่ และแม้ผู้ร้องจะได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทมาเป็นเวลา ๕ ปีเศษแล้ว แต่ก็ได้ปล่อยปละละเลยมิได้ดำเนินการเพื่อให้มีการจดทะเบียนการได้มา แสดงว่าผู้ร้องไม่ประสงค์จะให้มีการจดทะเบียนการได้มาซึ่งที่พิพาทนั้น ผู้ร้องจึงมิใช่ผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๐ พิพากษายืน