คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2226/2530

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ขณะที่โจทก์ฟ้อง จำเลยไปทำงานอยู่ที่ประเทศคูเวตการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องหมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์และคำบังคับเจ้าพนักงานศาลส่งโดยวิธีปิดที่บ้านของจำเลยเพราะไม่มีผู้ใดยอมรับไว้แทนจำเลย แต่จำเลยก็ได้มีจดหมายติดต่อส่งข่าวระหว่างจำเลยกับทางบ้านจำเลยเป็นประจำการที่จำเลยทราบเรื่องถูกโจทก์ฟ้องแล้ว ไม่ขวนขวายที่จะตั้งทนายความหรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นสู้คดีแทน ถือได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัด จะขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในเหตุรอนสิทธิรถยนต์ที่โจทก์ซื้อจากจำเลย ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การขาดนัดพิจารณา พิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
เมื่อส่งคำบังคับให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การและขอให้พิจารณาใหม่อ้างเหตุว่า จำเลยไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะขณะที่โจทก์ฟ้อง จำเลยไปทำงานอยู่ที่ประเทศคูเวต โจทก์แถลงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลย จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหรือไม่ ได้ความตามสำนวนว่าระหว่างที่โจทก์ฟ้องจนถึงวันที่ศาลพิพากษานั้น จำเลยไปทำงานอยู่ที่ประเทศคูเวต การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องหมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์และคำบังคับเจ้าพนักงานศาลส่งโดยวิธีปิดที่บ้านของจำเลยโดยตลอด เพราะไม่มีผู้ใดแม้แต่นางจันทร์ทิพย์ เขียวสวัสดิ์ ภรรยาจำเลยยอมรับไว้แทนจำเลย ระหว่างที่จำเลยทำงานอยู่ในประเทศคูเวต ได้มีจดหมายติดต่อส่งข่าวระหว่างจำเลยกับทางบ้านจำเลยเป็นประจำ แต่จำเลยอ้างว่าไม่ได้รับแจ้งเรื่องที่ถูกฟ้องจากผู้ใดเลย จำเลยมิได้นำนางจันทร์ทิพย์มาสืบว่า เหตุใดจึงไม่แจ้งเรื่องนี้ให้จำเลยทราบ โดยเหตุผลแล้วย่อมเชื่อได้ว่านายจันทร์ทิพย์แจ้งให้จำเลยทราบแล้ว แต่จำเลยไม่ขวนขวายที่จะตั้งทนายความ หรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นสู้คดีแทน ข้ออ้างของจำเลยไม่น่าเชื่อ ฟังไม่ได้ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัด ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกา ให้เป็นพับ”

Share