คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การยึดทรัพย์หมายถึงการยึดทรัพย์ของจำเลย แต่การอายัดหมายถึงการอายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่มีต่อลูกหนี้ ให้ลูกหนี้ของจำเลยส่งทรัพย์หรือเงินให้เจ้าพนักงานบังคับคดี
กรณียึดทรัพย์ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในวันที่ประกาศขายทอดตลาดถือว่ายื่นขอภายในกำหนดเวลา มาตรา 290 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แล้ว

ย่อยาว

เดิม โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ให้ชำระเงินกู้ และทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยทั้งสองยอมใช้เงิน ๒๐,๐๐๐ บาท โดยแบ่งชำระเป็น ๒ งวด งวดละ ๑๐,๐๐๐ บาท ต่อมาจำเลยผิดนัดโจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๑๓ และศาลสั่งประกาศขายทอดตลาดในวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๑๓
ผู้ร้องยื่นคำร้องเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๑๓ ขอเฉลี่ยทรัพย์
โจทก์คัดค้านว่า เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลย เมื่อวันที่๔ หรือ ๕ เมษายน ๒๕๑๓ (ที่ถูกน่าจะเป็นวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๑๓) ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๑๓ เป็นเวลาเกินกว่า ๓ เดือนแล้ว จึงไม่มีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์
ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องมีสิทธิเข้าเฉลี่ยทรัพย์ได้
โจทก์อุทธรณ์ว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๐ ห้ามมิให้ยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ช้ากว่า ๓ เดือนนับแต่วันอายัดโจทก์เห็นว่ายึดหรืออายัดเหมือนกันผู้ร้องต้องยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ภายในกำหนด ๓ เดือน นับแต่วันที่โจทก์ยึดทรัพย์ แต่ผู้ร้องยื่นเกิน ๓ เดือน แล้วจึงไม่มีสิทธิ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ยื่นคัดค้านว่าการขอเข้าเฉลี่ยหนี้เกิน ๓ เดือนนับแต่วันยึด แต่ชั้นอุทธรณ์กลับโต้แย้งว่าเป็นกรณีอายัดทรัพย์สิน จึงมิใช่ประเด็นที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นตามมาตรา ๒๒๕ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลอุทธรณ์จึงวินิจฉัยให้ไม่ได้ ทั้งข้อเท็จจริงแห่งคดีเป็นเรื่องบังคับคดีโดยการยึด มิใช่อายัดพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ตามมาตรา ๒๙๐ นั้น กฎหมายบัญญัติเกี่ยวกับกำหนดเวลาที่จะยื่นไว้ต่างกัน สำหรับกรณียึดทรัพย์กับกรณีอายัดทรัพย์ในกรณียึดทรัพย์นั้น มาตรา ๒๙๐ วรรค ๓ บัญญัติว่า “ในกรณีที่ยึดทรัพย์สินเพื่อขายทอดตลาดหรือจำหน่ายโดยวิธีอื่น คำขอเช่นว่านี้ให้ยื่นก่อนสิ้นระยะเวลา ๑๔ วัน นับแต่วันขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้น” ส่วนกรณีอายัดทรัพย์นั้นมีบทบัญญัติวรรค ๔ มาตรา ๒๙๐ ว่า “ในกรณีอายัดทรัพย์สิน ให้ยื่นคำขอเฉลี่ยเสียก่อนที่มีการชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้และไม่ว่ากรณีใด ๆ ห้ามมิให้ยื่นคำขอช้ากว่า ๓ เดือน นับแต่วันอายัด” ที่กฎหมายห้ามยื่นคำขอเกิน ๓ เดือนนั้น ก็เฉพาะในกรณีอายัดทรัพย์เท่านั้นการยึดและการอายัดต่างกัน การยึดหมายถึงยึดทรัพย์ของจำเลยแต่การอายัดหมายถึงการอายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่มีต่อลูกหนี้คดีนี้โจทก์นำเจ้าพนักงานไปยึดทรัพย์จำเลย ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในวันที่ประกาศขายทอดตลาดนั้นเอง ผู้ร้องจึงยื่นขอเฉลี่ยทรัพย์ภายในกำหนดเวลามาตรา ๒๙๐ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
พิพากษายืน

Share